จำนวนผู้เข้าชม

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เพื่อนคือความทรงจำ
















เพื่อนบางคน...อาจคอยมองดูคุณอยู่แบบห่างๆ แต่ไม่กล้าแสดงออก แต่เพื่อนบางคน...อาจจะเข้ามายุ่งกับคุณโดย เพราะเขาเป็นคนกล้า เพื่อนบางคน...อาจทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณได้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ในขณะที่เพื่อนบางคน...ไม่ได้ยินคำขอร้องของคุณด้วยซ้ำ เพื่อนบางคน...อาจพูดอะไรตรงๆ กับคุณเพราะรัก แต่เพื่อนบางคนของคุณ...อาจพูดแต่คำหวานๆ ซึ่งแฝงไปด้วยความน่ากลัว เพื่อนบางคน...อาจเหมือนคนที่ไม่อดทน มักบ่นอะไรเล็กๆ น้อยๆ เสมอ แต่จริงๆ แล้วเขา...อาจเป็นคนที่มีความอดทน มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยมีความลับกับคุณ อาจแม้กระทั่งให้คุณอ่านไดอารี่แสนหวงของเขา แต่เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยแม้แต่จะเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวให้คุณฟัง เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยโทรศัพท์หาคุณเลย มีแต่คุณเท่านั้นที่มัวแต่โทรหาเขาทุกวัน เพื่อนบางคน...อาจโทรมาหาคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องขอร้องเลยด้วยซ้ำ เพื่อนบางคน...อาจจะอยู่เคียงข้างคุณ ในยามที่คุณต้องการใครซักคน โดยที่ไม่มีใครขอ แต่เพื่อนบางคน...ไม่อาจแม้แต่จะรับรู้ความรู้สึกของคุณได้ เพื่อนบางคน...อาจถึงขนาด นั่งร้องไห้กับคุณ ในขณะที่อีกหลายๆ คน...ไม่สนด้วยซ้ำว่าคุณกำลังอยู่ที่ไหน เพื่อนบางคน...อาจเคยทำผิดกับคุณบ้าง แต่เขาก็ยังพยายามที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ในขณะที่เพื่อนบางคน...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำผิดต่อคุณ เพื่อนบางคน...อาจหมายความตามที่เขาพูด เช่น ขอโทษก็คือขอโทษ ในขณะที่เพื่อนบางคน...พูดขอโทษ แต่หมายถึงสมน้ำหน้า เพื่อนบางคน...อาจจำได้ว่าพยายามโทรหาคุณข้ามวันข้ามคืน ถึงแม้ว่าเขาจะติดต่อคุณไม่ได้ แต่ก็ยังคงพยายาม ในขณะที่เพื่อนบางคน...อาจจำได้ไม่เกินครึ่งวันด้วยซ้ำว่าคุณโทรหาเขา เพื่อนบางคน...อาจเหมือนคนที่มีอารมณ์แปรปรวน อาจทำอะไรที่คุณคาดไม่ถึง แต่ไม่แน่เขา...อาจเป็นน้อยกว่าคุณก็ได้ เพียงแต่คุณไม่รู้ตัว เพื่อนบางคน...อาจชอบอยู่กับกลุ่มคนเยอะๆ ที่สนุก เฮฮา แต่เพื่อนบางคน...อาจจะภูมิใจกับกลุ่มเพื่อนเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า เพื่อนบางคน...อาจมัวนั่งเงียบๆ จนให้คุณไม่อาจรู้ได้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในขณะที่เพื่อนบางคน...พูดมากเสียจนคุณรำคาญ เพื่อนบางคน...อาจอยากให้คุณรับรู้ความรู้สึกจากเขาทางสายตา แต่เพื่อนบางคน...อาจเดินมาบอกความรู้สึกกับคุณด้วยตัวเอง เพื่อนบางคน...อาจจะไม่มีการแสดงออกใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าคุณจะทำให้เขาเสียใจเพียงใด แต่ในขณะที่เพื่อนบางคน...อาจเดินเข้ามาต่อว่าคุณ จนคุณไม่เหลือซากก็ได้ เพื่อนบางคน...สามารถอ่านใจคุณได้ ในขณะที่อีกหลายๆ คน...ไม่อาจรับรู้และเข้าใจ ความรู้สึกของคุณได้ แม้ว่าคุณจะบอกเขาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตาม

คำว่ารัก


+++คำว่า รัก จากคนที่เราไม่ได้รักหล่ะ จะรู้สึกยังไง+++

............................................................................อย่างน้อยก็น่าจะรู้สึกดีบ้างเหมือนกันนะแม้บางครั้งจะรู้สึกว่าอึดอัดขึ้นมาบ้างก็ตามทีแต่...จริงๆแล้วในภายใต้ของความอึดอัดนั้น เราก็แอบมีความสึกยินดีอยู่เล็กๆหรือที่เรียกว่าความภูมิใจอยู่มิใช่น้อยไม่ใช่หรือจ๊ะ ........................................... นั่นเป็นเพราะอะไร ?ก็เป็นเพราะ คำว่า รัก แม้แต่จะมาจากคนที่เราไม่ได้รัก ก็ตาม แต่มันก็สือไปถึงจิตไมตรีที่เค้าหยิบยื่นให้และรวมไปถึงความหมายที่ว่าเป้นการยกยอไปในตัว เป็นต้นว่า ......................เราน่ารักก็ดี สวยก็ดี นิสัยดีก็ดี อะไรทำนองนี้ แม้แต่จะมาจากคนที่เราไม่สนใจหรือไม่รักเลยก็ตามแต่.....แต่....มันก็แปลว่ารู้สึกดีนั่นเอง.......จริงมั๊ยจ๊ะ.......ที่รัก......++++ความจริงก็แค่แวะเข้ามาทักทายรู้จัก+++แต่....มาถึงก็เจอเรื่องรักๆใคร่ๆที่ไม่ค่อยจะเข้าใจอยู่ด้วยแต่่เห็นว่าเมือมาแล้วก็ต้องแวะพูดคุยกันหน่อยก็แล้วกัน

เพื่อนมิตร

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
"เพื่อน"
เปรียบเสมือน คนรู้ใจ คนสนิท คนที่เราสามารถพูดได้เวลามีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน เรื่องความรัก หรือปัญหาอื่นๆ นอกเหนือจากพ่อแม่แล้ว "เพื่อน " ก็คือคนที่ใกล้ชิดเรามากที่สุด อีกคนหนึ่งนั่นเอง ความเป็นเพื่อนไม่จำเป็นต้องเลิศหรู
เพียงแต่... คุณลองทำตามเคล็ดลับ ที่เรานำมาฝากนี้
มันก็จะทำให้คุณสามารถมีเพื่อนที่รู้ใจ แถมยังทำให้ตัวคุณก็สามารถ เป็นเพื่อนที่ดีของคนอื่นได้อีกด้วย 1. คอยเป็นกำลังใจ เมื่อใดก็ตามที่เพื่อนของคุณอยู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยปกตินัก เช่น เสียใจ หรือ กำลังร้องไห้ คนที่เขาอยากให้มาอยู่ใกล้ๆนั่นก็คือ คนที่สามารถทำให้เขาสบายใจ บางทีคุณอาจไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย มันก็สามารถทำให้เขารู้ว่าคุณก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน เพียงแต่คุณนั่งลง และบอกกับเขาว่า "ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ" เพียงเท่านี้ เขาก็จะมีพลังที่จะจัดการกับอุปสรรคต่างๆได้ 2. ยินดีในความสำเร็จ เมื่อใดก็ตามที่เพื่อนของคุณ ประสบความสำเร็จ คำพูดที่เขาอยากได้ยินจากคุณก็คือ "ดีใจด้วยนะ" เพียงประโยคเดียวเท่านี้ ก็สามารถต่อสายสัมพันธ์ ได้อีกยาวไกลเลย เพราะไม่ว่าใคร รวมถึง ตัวคุณเองก็ย่อมอยากได้กำลังใจจากคนรอบข้าง ใช่ไหมหล่ะ 3. อย่าถากถาง หรือ ซ้ำเติม ในทางตรงกันข้าม ยามใดก็ตามที่เพื่อนของคุณก้าวพลาดไป อย่างแรกที่เขาต้องการนั่นคือกำลังใจ และคำปลอบโยน จากคุณเหมือนกัน เพื่อให้เขายังรู้สึกว่า มีใครบางคนที่เป็นห่วงเขาเหมือนกันนะ และยังพร้อมที่จะให้โอกาส เสมอ อย่างน้อยแค่ประโยคเดียว เพียงบอกเค้าว่า "เริ่มต้นใหม่ได้หน่ะ เพื่อน" 4. มอบความจริงใจ เมื่อใดก็ตามที่คุณคบกับใครอยู่ คุณก็ต้องการได้ความจริงใจจากเขาใช่ไหม เมื่อใดก็ตามที่คุณอยากได้สิ่งใดจากผู้อื่น คุณต้องรู้จักการให้ในสิ่งนั้นก่อน ถ้าคิดอยากจะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว เห็นทีจะไม่ไหว ต้องรู้จักป็นทั้งผู้ให้ และผู้รับต่างหาก 5. มีน้ำใจ เมื่อใดก็ตามที่เพื่อนของคุณต้องการความช่วยเหลือ สิ่งใดช่วยได้ ขอจงอย่าช้า รีบช่วยเหลือตามกำลัง และความสามารถที่คุณจะสามารช่วยเหลือเขาได้ แต่ต้องมาจากความจริงใจเป็นที่ตั้ง เพื่อให้เขารู้สึกว่าคุณคือเพื่อนแท้ของเขาในเวลาที่เขาไม่มีใคร 6. รู้จักให้อภัย เมื่อใดก็ตามที่ความผิดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือ เพื่อนของคุณก็ตาม อย่างแรกที่ คุณควรจะรู้จัก คือคำว่า "ขอโทษ" เพราะ สำหรับเพื่อนแล้ว คำขอโทษ เพียงคำเดียวก็สามารถต่อสายสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ระหว่างคุณกับเพื่อนของคุณได้อย่างลงตัวที่สุดเลย 7. อย่าคิดว่าคุณไม่มีค่า เมื่อใดก็ตามที่คุณ หรือเพื่อนของคุณมีความรู้สึกเช่นนี้ นั่นคือคุณไม่ยอมเปิดกว้างสำหรับมิตรภาพ ซึ่งจะทำให้คุณมองโลกในแง่ร้าย คุณควรจะเปิดตัวเอง ออกมารับรู้และยอมรับ คำว่าเพื่อนไม่มีใครดีหรือเลว เพียงแต่คุณต้องรู้จักการปรับตัว เข้าหาทั้งด้านดี และด้านเลวของคนนั้น ถูกบ้างผิดบ้าง ยังไง ก็ "เพื่อน"กันน่า...นะ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงหลักการเบื้องต้น ที่จะทำให้คุณมีเพื่อนและสามารถเป็นเพื่อนที่ดีกับผู้อื่นได้ด้วย และเมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถช่วยเหลือเขาได้
บางทีค่าตอบแทน อาจจะไม่ใช่ แก้ว แหวน เงิน ทอง
แต่คุณจะได้สิ่งที่ล้ำค่ากว่าสิ่งเหล่านั้น นั่นก็คือ คำว่า "เพื่อน" ไง ^___^

...................................................................................................

สิ่งสำคัญในชีวิต

3 สิ่งสำคัญในชีวิต




สามสิ่ง..ในชีวิต ที่ไม่หวนกลับ คือเวลา คำพูด และโอกาส
สามสิ่ง..ที่ชีวิตเราจะขาดเสียมิได้ คือความสงบของจิตใจ ความซื่อสัตย์ และความหวัง
สามสิ่ง..ที่มีคุณค่าต่อชีวิต คือความรัก ความมั่นใจในตนเอง และเพื่อนสามสิ่ง..ที่ไม่แน่นอน คือความฝัน ความสำเร็จ และโชคชะตา
สามสิ่ง..ที่นำไปสู่ความพินาศของคน คือเหล้า ความเย่อหยิ่ง และความโกรธ
สามสิ่ง.. ที่ผมได้นำมาฝากเพื่อนๆ นี้ น่าจะเป็นสิ่งเตือนใจในการใช้ชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ ให้มีความสุขได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

ตึกที่สูงที่สุด

ใครที่ชื่นชอบความสูงเร่เข้ามา เพราะฉันจะพาไปเล่นของสูง แต่ไม่ใช่แบบเพลงเล่นของสูงของบิ๊กแอสหรอกนะ แต่เป็นพาไปรู้จักกับตึกที่สูงมากถึงสูงที่สุดในโลกในยุคนี้ พ.ศ.นี้ต่างหาก เพราะเมื่อเร็วๆนี้ที่ดูไบได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของตึกใหม่ตึกที่สูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน (ไม่นับรวมหอคอยชมเมืองและหอส่งสัญญาณโทรทัศน์) ซึ่งก็คือตึก "เบิร์จ ดูไบ" และแน่นอนเมื่อมีการเปิดตัวตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ ก็ทำให้ตึก "ไทเป 101" ที่เคยสูงที่สุดในโลกได้ถูกทำลายสถิติไปอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน "เบิร์จ ดูไบ" (Burj Dubai ) หรือในปัจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "เบิร์จ คาลิฟา" (Burj Khalifa) หรือชื่อเต็มๆว่า "ชีค คาลิฟาร์ บิน ซาย์เอ็ด อัล-นาห์ยัน ทาวเวอร์" ซึ่งตั้งชื่อตามประธานาธิบดีของ UAEเพื่อเป็นการให้เกียรติในฐานะผู้นำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และผู้นำของนครรัฐอาบู ดาบี สำหรับสิ่งก่อสร้างที่ฉันมองแล้วมีรูปทรงเรียวยาวแหลมสูงคล้ายจรวดแห่งนี้ เริ่มก่อสร้างขึ้นเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาขนาดยักษ์ของเมืองดูไบ เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2547 ออกแบบโดยเอเดรียน สมิธ สถาปนิกชาวชิคาโก ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกับผู้ออกแบบ วิลลิสทาวเวอร์ อาคารที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เบิร์จ คาลิฟา สร้างแล้วเสร็จในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา ด้วยความสูง 818 เมตร สูงกว่าอาคารไทเป 101เจ้าของสถิติเดิมถึง 309 เมตร ถือเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกใหม่ล่าสุดในขณะนี้ ไม่เพียงเท่านั้น เบิร์จ คาลิฟา ยังครองสถิติอาคารที่มีจำนานชั้นมากที่สุดคือ 162 ชั้นอีกด้วย

ตึกไทเป 101ไต้หวัน
นอกจากนี้ยังได้ทำลายสถิติหอคอยที่สูงที่สุดในโลกคือหอคอยซีเอ็น ที่โทรอนโท ประเทศแคนาดา ซึ่งมีความสูง 553.3 เมตร และแซงหน้าสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างมา นั่นคือ เสาอากาศโทรทัศน์ KVLY-TV Mast ที่สหรัฐอเมริกาด้วย และเป็นแชมป์สถิติตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกนับถึงชั้นหลังคา โดยสูงถึง 546 เมตร จากเจ้าของสถิติเดิมคืออาคารไทเป 101 ซึ่งสูง 449.2 เมตร อีกทั้งยังได้ครองสถิติปั๊มคอนกรีตทางดิ่งที่สูงที่สุดในโลกสำหรับการก่อสร้างอาคาร ซึ่งสูงถึง 512.1 เมตร โค้นแชม์อาคารไทเป 101 ที่เคยสูง 439.2 เมตร และยังครองสถิติปล่องลิฟต์ที่ยาวที่สุดในโลกคือ 514 เมตร อีกด้วย แน่นอนว่าตึกที่สูงรองลงมาก็คือ "ไทเป 101" แห่งไต้หวัน ที่สูง 509 เมตร มีจำนวนชั้นทั้งหมด 101 ชั้น ออกแบบโดย ซี.วาย. ลี สถาปนิกชาวไต้หวัน เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2543 แล้วเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2547 ไทเป 10เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีลดอันตรายจากแรงลมอันทันสมัยตามหลักวิทยาศาสตร์ กับการตกแต่งด้วยรูปหัวมังกรที่มุมอาคารทั้ง 4 ด้านทุกปล้องเพื่อขับไล่ภูติผีปิศาจ ตามหลักความเชื่อทางไสยศาสตร์จากคำบอกเล่าของซินแส

เซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์(สูง)สูงลำดับที่ 3 ตั้งคู่กับตึกจินเหมาทาวเวอร์(ต่ำ)ที่สูงลำดับที่ 10 ของโลก
ตึกระฟ้าสูงอันดับ 3 ของโลก คือ "เซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์" ตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ตึกแห่งนี้สูง 492 เมตร ประกอบด้วยชั้น 101 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น สร้างในปี พ.ศ.2540-2551 ถือเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศจีน แซงหน้าอาคารจินเหมาซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง

ตึกอินเตอร์เนชันแนลคอมเมิร์ซเซ็นเตอร์ ฮ่องกง
ลำดับ 4 เป็นตึก "อินเตอร์เนชันแนลคอมเมิร์ซเซ็นเตอร์" บนเกาลูนตะวันตก ในฮ่องกง มี 118 ชั้น สูง 484 เมตร ก่อสร้างในช่วงปี พ.ศ.2550-2553โดยที่ตั้งของตึกนี้เรียกว่า ยูนิออนสแควร์เฟส 7 ส่วนชื่ออินเตอร์เนชันแนลคอมเมิร์ซเซ็นเตอร์นั้น ถูกประกาศอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2548

ตึกแฝดเปโตรนาส ครองอันดับที่ 5 และ6 ร่วม
สำหรับตึกสูงลำดับที่ 5 และ 6 คือตึก"เปโตรนาส" ที่มีความสูง 452 เมตร จำนวน88 ชั้น ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2541 ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นอาคารแฝดมี 2หอคอย ได้รับแรงบันดาลใจจากเสาหินทั้ง 5 ของศาสนาอิสลาม ผสมผสานกับโครงเหล็กที่ห่อหุ้มในแต่ละจุด ทำให้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตามีสะพานเชื่อมลอยฟ้า (Sky Bridge) ในบริเวณชั้นที่ 41 และ 42ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวิวทิวทัศในมุมสูงสุดหวาดเสียวได้ฟรี วันละประมาณ 1,000คน โดยจะต้องมารับตั๋วในตอนเช้าก่อนขึ้นชมในแต่ละรอบ และเนื่องจากอาคารแห่งนี้เป็นตึกแฝดมี 2 หอคอย จึงครองอันดับที่ 5 และ 6 ร่วมกัน อีกทั้งยังครองอันดับตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

หนานจิงกรีนแลนด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์ ตึกระฟ้าที่สูงเป็นลำดับที่ 7 ของโลก
ตึกสูงอันดับ 7คือตึก "หนานจิงกรีนแลนด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์" มีความสูง 450 เมตร 89 ชั้น ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.2551และกำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยสถาปนิกคนเดียวกับผู้สร้าง เบิร์จ คาลิฟา ตึกหลังนี้จะมีดาดฟ้าชมวิวบนชั้นที่ 72 ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดิน 287 เมตร สามารถมองเห็นภาพมุมกว้างของเมืองหนานกิงและแม่น้ำแยงซี ทะเลสาบสองแห่ง และภูเขาหนิงเจิงได้เป็นอย่างดี

ตึกวิลลิสทาวเวอร์ ในอเมริกา สูงเป็นลำดับที่ 8ของโลก
ตึกสูงอันดับ 8 ได้แก่"วิลลิสทาวเวอร์"หรือมีชื่อเดิมที่คุ้นหูว่า"เซียรส์ทาวเวอร์"ตั้งอยู่ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา สร้างในปี พ.ศ.2513 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2517 มีความสูง 442 เมตร และมีจำนวนชั้นทั้งสิ้น 108 ชั้น เคยครองตำแหน่งอาคารสูงที่สุดของโลกตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2518 จนถึงปีพ.ศ. 2548 ก่อนจะเสียตำแหน่งให้กับตึกแฝดเปโตรนาสของมาเลเซีย

ตึกกว่างโจวเวสต์ทาวเวอร์ ตึกที่สูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก
ลำดับที่ 9 ได้แก่ “กว่างโจวเวสต์ทาวเวอร์”ตั้งอยู่ที่เมืองกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ตึกระฟ้าขนาด 103 ชั้น สูง 440.2 เมตร ตึกได้เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2548 และสร้างถึงจุดสูงสุดในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และมีการเปิดตัวในปี พ.ศ.2552 ที่ผ่านมา ส่วนตึกสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ได้แก่ "จินเหมาทาวเวอร์" ในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มีความสูง 421 เมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2541 มีจำนวนชั้นทั้งหมด 88 ชั้น ซึ่งคนจีนถือว่าเลข 8 เป็นเลขดีเลขนำโชค รูปแบบการก่อสร้างอาคารแห่งนี้เหมือนกับเจดีย์โบราณของจีน จุดที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวได้สูงสุดคือโรงแรมเซี่ยงไฮ้แกรนด์ไฮแอท ในชั้นที่ 53-87 และชั้นที่ 88 จะไม่ใช่พื้นที่ของโรงแรม แต่เป็นส่วนที่เรียกว่า สกายวอล์ค เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเล่นเพื่อดูวิวมุมสูงได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว เมื่อรู้จักกับ 10 อันดับตึกระฟ้าที่สูงที่สุดของโลกปัจจุบันนี้แล้ว ใครที่อยากจะท้าทายความสูงก็สามารถเดินทางไปพิชิตกันได้ ส่วนใครที่ยังกล้าๆกลัวๆก็ลองไปชิมลางกันก่อนได้ที่ "ใบหยก 2 ทาวเวอร์" มหานครกรุงเทพฯ ประเทศไทยของเราได้ ซึ่งตึกใบหยก 2 แห่งนี้สูงเป็นลำดับที่ 47ของโลก ด้วยความสูง 304 เมตร จำนวน 88 ชั้นรวมชั้นใต้ดิน ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2540 ในชั้นที่ 77 และ 84 เป็นชั้นสำหรับชมวิว โดยที่ชั้น 84 เป็นดาดฟ้าหมุนได้รอบ ทั้งสองชั้นนี้เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา 10.30 ถึง 22.00 น. แต่ในปี 2553 นี้ตึกใบหยก 2 ที่สูงที่สุดในประเทศไทยอาจจะถูกทำลายสถิติ โดยตึก "โอเชี่ยนวัน" (Ocean 1 Tower) คอนโดใจกลางพัทยา ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างมีความสูง91 ชั้น 327 เมตร สูงกว่าตึกใบหยก 2 ถึง 23 เมตร คาดว่าจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยและเป็นที่พักอาศัยที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * หมายเหตุ : ข้อมูลลำดับ 10 ตึกสูงที่สุดในโลกอ้างอิงจากวิกิพีเดีย

วันสำคัญของคริสต์

1. วันอาทิตย์ (Sunday) เป็นวันพระเจ้าที่ชาวคริสต์หยุดงานและจะไปปฏิบัติศาสนกิจร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์
ที่ใกล้เคียง
2. วันคริสต์มาส(Christmas)คือ วันสมโภชการเกิดมาของพระเยซู ตรงกับวันที่ 25ธันวาคมของทุกปี
3. วันสมโภชปัสกา(Pasqua) หรือ Easterคือวันสมโภชการกลับคืนชีพของพระเยซูตรงกับวันอาทิตย์แรก
หลังจากวันพระจันทร์เต็มดวง ระหว่างวันที่ 21มีนาคม ถึง 25 เมษายนวันใดวันหนึ่ง
4. วันสมโภชเกี่ยวกับพระนางมารีอา เช่น สมโภชแม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
(Mary Assumption) ตรงกับวันที่ 15 สิงหาคม และสมโภชแม่พระปฏิสนธินิรมล (Mary Immaculate
Conception) ตรงกับวันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปี
5. วันฉลองเกี่ยวกับนักบุญ เช่น นักบุญทั้งหลาย (All Saints day) ตรงกับวันที่ 19 มีนาคมวันฉลอง
นักบุญเปโตรและเปาโลตรงกับวันที่ 29 มิถุนายน
6.วันฉลองเกี่ยวกับทูตสวรรค์ เช่น ฉลองทูตสวรรค์มีคาแอล คาเบรียล และราฟาแอลทุกวันที่ 29กันยายนของทุกปี
7. คาทอลิกยังมีวันฉลองอีกหลายวัน ซึ่งจะถูกบรรจุไว้ในปฏิทินคาทอลิก
- วันที่ 1 มกราคม วันสมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า
- วันที่ 8 มกราคม วันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
- วันที่ 1 มีนาคม วันพุทธรับเถ้า
- วันที่ 19 มีนาคม วันสมภพนักบุญยอเซฟ ภัสดาของพระนางพรหมจารีย์มารีย์
- วันที่ 9 เมษายน วันอาทิตย์มหาทรมาน (แห่ใบลาน) ระลึกถึงการเข้ารับมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า
- วันที่ 13 เมษายน วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ ระลึกถึงพระ เยซูคริสตเจ้า ทรงตั้งศีลมหาสนิทเพื่อเป็นอนุสรณ์
ถึงพระองค์
- วันที่ 14 เมษายน วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ระลึกถึง
พระเยซูคริสตเจ้า ทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
- วันที่ 15 เมษายน วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ระลึกถึงชัยชนะที่ทำให้ มนุษย์มีความหวังที่จะชนะอำนาจบาป ความ
มืด และความชั่วทั้งหลาย
-วันที่ 16 เมษายน วันสมโภชพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ (วันปัสกา)
- วันที่ 28 พฤษภาคม วันสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ ระลึกถึงการที่เราจะได้กลับไปมีชีวิตอยู่กับ
พระบิดาเจ้าพร้อมกับพระคริสตเจ้า ผู้นำเราเข้าสู่พระราชัยสวรรค์
- วันที่ 4 มิถุนายน วันสมโภชพระจิตเจ้า ฉลองพระ บุคคลที่ 3 ของพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพละกำลังของมนุษย์
- วันที่ 11 มิถุนายน วันสมโภชพระตรีเอกภาพประกอบด้วยสามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร
พระจิตที่ทรงเป็นหนึ่ง
- วันที่ 18 มิถุนายน วันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า ระลึกถึงพระเยซูคริสตเจ้าภายใต้ รูป
ลักษณ์ของขนมปังและเหล้าองุ่นในพิธีมิสซาบูชา
- วันที่ 29 มิถุนายน วันสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล อัครสาวก
- วันที่ 15 สิงหาคม วันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
-วันที่ 1 พฤศจิกายน วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
- วันที่ 26 พฤศจิกายน วันสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
- วันที่ 8 ธันวาคม วันสมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล

สถานที่เที่ยวสมุทรสงคราม

January : เดือนมกราคม งานสุนทราภรณ์คืนถิ่น : Suntraporn The Musical February : เดือนกุมภาพันธ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2 : The enhance the king rama 2 (ณ อุทยาน ร.2) ชมนิทรรศการ สาธิตศิลปวัฒนธรรมไทย ชมนาฎศิลป์ตามบทพระราชนิพนธ์ของ ร.2 รัชกาลที่ 2 การประกวดพันธุ์ไม้ต่าง ๆ สินค้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ พันธุ์ไม้ของที่ระลึก และของฝากจากจังหวัดสมุทรสงครามในราคาย่อมเยา งานเทศกาลส้มโอขาวใหญ่ ครั้งที่ 1 : Pomelo Festival 1 st ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม จำหน่ายผลผลิตของเกษตรกร และสินค้าพื้นเมือง ชมนิทรรศการการเกษตร จำหน่ายผลผลิตของเกษตรกร ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ประกวดผลไม้ พืชผัก ไม้ดอก ไม้ประดับ ชมการแสดงต่างๆ April : เดือนเมษายน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม : Celebrate the Ban-Laem venerable monk ณ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ต.แม่กลอง มีการแห่รูปหล่อจำลองหลวงพ่อบ้านแหลม และรูปหล่อท่านเจ้าคุณมหาสิทธิการ (ทอง) แห่รถนางสงกรานต์ และสรงน้ำพระสงฆ์ วันลิ้นจี่และของดีเมืองแม่กลอง : Maeklong Lychee Festivalณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม จำหน่ายผลผลิตของเกษตรกร และสินค้าพื้นเมือง ประกวดรถบุปผชาติ ชมการแสดงดนตรี นาฎศิลป์ ฯลฯ งานประเพณีวันสงกรานต์ก่อพระเจดีทราย : Song-kran Festival May : เดือนพฤษภาคม งานตะวันรอนดอนหอยหลอด : Razor Clam Festivalณ ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง สักการะพระบรมรูปกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อนุรักษ์ดอนหอยหลอด จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง อาหารทะเล และผลิตผลของเกษตรกร ชมกีฬาทะเล เช่น กอล์ฟ มวยทะเล ปีนเสาน้ำมัน วิ่งมาราธอน ฯลฯ August : เดือนสิงหาคม วันส้มโอขาวใหญ่ครั้งที่ 2 : Pomelo Festival 2 ndณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม ชมนิทรรศการการเกษตร จำหน่ายผลผลิตของเกษตรกร ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ประกวดผลไม้ พืชผัก ไม้ดอก ไม้ประดับ ชมการแสดงต่างๆ September : เดือนกันยายน งานประเพณีแข่งเรือพาย ตักบาตรขนมครก : Rowboat race October : เดือนตุลาคม งานแรลลี่เรือหางยาว : Long tailed boat race November : เดือนพฤศจิกายน งานลอยกระทงสายกาบกล้วย : Loi-Krathong Festival(Krathong was made by Leaf sheath of banana tree)ที่อัมพวา อุทยาน ร.2 และพื้นที่ใกล้เคียง วัดลาดเป้ง อ.เมือง มีการประกวดกระทงขนาดใหญ่ กลาง เล็ก แข่งขันเรือชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีแข่งขันเรือพายท้องถิ่น December : เดือนธันวาคม งานเทศกาลกินปลาทูและของดีเมืองแม่กลอง : Mackerel Festival ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด มีการจำหน่ายเมนูอาหารที่ทำจากปลาทูหลากหลาย ปรุงรสโดยร้านอาหารชื่อดังภายในจังหวัดสมุทรสงคราม พบกับลานวิถีชุมชนคนแม่กลอง ภายในประกอบด้วยลานชุมชนคนประมง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสโป๊ะปลาทูจำลอง นิทรรศการปลาทูและปลาทูตัวเป็นๆ ลานชุมชนคนยี่สาร ลานแกลลอรี่ ลานสุขภาพ ลานคนดี ลานศิลปะและประติมากรรม ลานดนตรียามเย็น ลานสาระในสวน ลานแม่กลองออนทัวร์ ฯลฯ ชมมหรสพหลากหลายในภาคกลางคืน งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช : The enhance the king Tak-Sin prestige งานกล้วยไม้บาน : The orchid festivalณ อุทยาน ร.2 มีการนำกล้วยไม้สายพันธุ์ต่าง ๆ ที่ชนะเลิศการประกวดทั้งจากภายในและต่างประเทศมาแสดง จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ชมทัศนียภาพอันงดงามภายในอุทยาน ร.2

เที่ยวหัวหิน

ภาพประกอบจาก Kidsanook และทางอินเทอร์เน็ต หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ (วันหยุดที่แสนจะน้อย...) เราขอแนะนำ "หัวหิน" สถานที่พักผ่อนสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เนื่องจากอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ มากนัก ตั้งอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นี่เอง (ใกล้แค่เอื้อม 555) "หัวหิน" นับเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จากแต่เดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง และได้ถูกเปลี่ยนแปลงจนกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนติดทะเล ที่ติดอันดับความนิยมของประเทศในตอนนี้ (วู้ว... สุดยอด !!) ปัจจุบัน "หัวหิน" มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทของชาวบ้านเอง หรือรีสอร์ทที่เป็นระดับห้าดาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเสน่ห์ของหัวหินยังคงเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนตลอดทั้งปี... หัวหิน... หัวหิน... หัวหิน... เมื่อพูดถึง "หัวหิน" หลายคนมักนึกถึงแต่ทะเล เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... แต่จริงๆ แล้ว "หัวหิน" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบเมืองอีกมากมายนะคะ ว่าแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง...

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน รัชกาลที่ 6 โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466 ได้รับขนานนามว่า "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง" ลักษณะเป็นพระตำหนักไม้สองชั้น หันหน้าออกสู่ทะเล พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด "พระที่นั่งสุนทรพิมาน" เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรชายา "พระที่นั่งพิศาลสาคร" เป็นที่ประทับของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นหมู่พระที่นั่งตรงกลางประกอบด้วยห้องต่างๆ สำหรับสำราญพระอิริยาบถ ห้องพักข้าราชบริพารที่คอยรับใช้ใกล้ชิด ห้องทรงพระอักษร และ "พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ " เป็นอาคารโถงสองชั้นเปิดโล่งใช้เป็นที่ประชุมในโอกาสต่างๆ และเป็นโรงละคร ซึ่งเคยจัดแสดงละครครั้งสำคัญ 2 ครั้ง คือ เรื่องพระร่วง และวิวาห์พระสมุทร พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 16.00 น. สำหรับผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ ต้องทำหนังสือถึงผู้กำกับการกองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โทร. (032) 471388 , 471130
พระราชวังบ้านปืน พระราชวังบ้านปืน หรือ พระรามราชนิเวศน์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์ สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า บริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดยมิสเตอร์คาลเดอริง ชาวเยอรมัน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็น"พระรามราชนิเวศน์" ปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำตำบล ฯลฯ การเข้าชมต้องทำหนังสือล่วงหน้าถึงผู้บังคับการจังหวัดทหารบก กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 11 อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 หรืออาจติดต่อที่ป้อมยามแลกบัตรเพื่อขอเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการ
สถานีรถไฟหัวหิน (พลับพลาสถานีรถไฟ) "สถานีรถไฟหัวหิน" เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของไทย สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้ คือ พลับพลาในแบบสถาปัตยกรรมไทยเด่นสะดุดตา ซึ่งได้ย้ายมาจากพระราชวังสนามจันทน์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 มีความสวยงามทางด้านสถาปัตย์และศิลป์ ซึ่งใครที่เห็นจะรู้สึกประทับใจ สถานียังคงเปิดให้บริการจวบจนทุกวันนี้ (ว้าว...) เขาหินเหล็กไฟ จุดชมวิวตัวเมืองและอ่าวหัวหินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ประกอบด้วยจุดชมวิวหลายจุด ที่สำคัญคือเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังมีศูนย์สินค้าพื้นเมือง สวนนก ร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม เป็นต้น ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 ก.ม. ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการชมพระอาทิตย์ คือ ช่วงเช้าตรู่ และยังมีสวนสาธารณะไม้ดอก สวนผีเสื้อ อยู่บนเขา และมีจุดชมวิวเห็นตัวเมืองหัวหิน สนามกอลฟ์ และทะเล (ยืนชมวิวกับคนรักก็เก๋ไม่เบา อิอิ)
เขาตะเกียบ เขาไกรลาส มีวัดตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งยื่นออกไปในทะเล ตั้งอยู่ห่างตัวเมืองทางทิศใต้ 6 ก.ม. ภายในบริเวณวัดร่มรื่น เย็นสบาย มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอ่าวหัวหินที่งดงามมากจุดหนึ่ง รอบเขาตะเกียบนี้มีที่พักและร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง และยังมีภูเขาลูกเล็กๆ 2 ลูกอยู่ใกล้กัน ห่างจากหัวหินไปทางใต้ประมาณ 14 กิโลเมตร เขาตะเกียบมีโขดหินที่ยื่นออกไปในทะเล มีความสวยงามเหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุด และยังมีจุดชมวิวสวยๆ อีกด้วย
เขาช่องกระจก อยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด แม้จะสูงชัน แต่มีบันไดขึ้นไปจนถึงยอดเขา แต่ขึ้นไปแล้วรับรองคุ้มค่า เพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ และทางทิศเหนือของภูเขาลูกนี้มีช่องคล้ายกรอบกระจก จึงเรียกว่า "เขาช่องกระจก" ที่สำคัญบนเขานี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธบาทจำลองด้วย
หาดสวนสนประดิพัทธ์ อยู่ห่างจากหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีทางแยกจากถนนเพชรเกษมที่ กม. 240 เข้าไปประมาณ 500 เมตร มีรถโดยสารจากหัวหินไปยังสวนสนทุก 20 นาที บริเวณชายหาดมีที่พักลักษณะเป็นบังกะโล เรือนแถว และห้องพัก ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย เกาะสิงโต ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งสวนสนประมาณ 800 เมตร เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีผู้นิยมไปตกปลาและดำน้ำ ติดต่อเช่าเรือได้ที่หมู่บ้านเขาตะเกียบ
หาดหัวหิน ชายหาดอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งแรกของเมืองไทย ด้วยน้ำทะเลใส ทรายสะอาด บรรยากาศดี จึงเป็นที่ใฝ่ฝันและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานทุกยุคทุกสมัย ตลาดโต้รุ่งหัวหิน นับเป็นสีสันยามราตรีของหัวหิน ทุกเย็นมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปเสมอ เพราะเป็นแหล่งรวมแผงอาหารนานาชนิด ทั้งอาหารไทย อาหารทะเล ขนมไทย โรตีแขก ปรุงสดๆ ให้เลือกสรร นอกจากนั้นยังมีของที่ระลึกจำหน่ายมากมาย สวนหลวงราชินี สวนสาธารณะริมทะเลแห่งใหม่ของหัวหิน 19 ถ.เพชรเกษม ก่อนถึงตัวเมืองหัวหิน 2 ก.ม.เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และจัดกิจกรรมต่างๆ มีดนตรีฟังสบายๆ ทุกเย็นวันศุกร์
น้ำตกป่าละอู น้ำตกสวยงามขนาด15 ชั้น กลางป่าดิบชื้นอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองพลับ อ.หัวหิน ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 60 กิโลเมตร ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีน้ำไหลตลอดปี เป็นแหล่งที่มีผีเสื้อชุกชุม ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการท่องเที่ยว คือ ช่วงเช้าตรู่ ประมาณ 07.00 - 10.00 น. เนื่องจากอากาศเย็นสบายและมีโอกาสพบสัตว์ป่า รวมทั้งนกหายากหลายชนิด เช่น นกเงือก
อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกิ่งอำเภอสามร้อยยอด ตามตำนานเล่าว่าเดิมเคยเป็นทะเลที่มีเกาะแก่งมากมาย เรือสำเภาจีนเดินทางค้าขายผ่านมาและเกิดอัปปางลง ลูกเรือว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งรอดชีวิต 300 คน จึงตั้งชื่อว่า "เขาสามร้อยรอด" แล้วเพี้ยนมาเป็น "เขาสามร้อยยอด" ซึ่งพ้องกับลักษณะ 4 ภูมิประเทศ ที่เป็นเขาหินปูนมากมายนับไม่ถ้วนนั่นเอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรก ด้วยเนื้อที่ 98 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน ลำคลอง และที่ราบน้ำท่วมถึง เกิดเป็นทุ่งหนองมีพืช ปลา สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ค่างแว่นถิ่นใต้ เลียงผา นก ซึ่งมีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมากมายถึงกว่า 300 ชนิด เป็นระบบนิเวศแห่งพื้นที่ชุ่มน้ำที่สมบูรณ์และมีความสำคัญในระดับประเทศ โอ๊ะโอ้ว... นี่เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝากเท่านั้นนะคะ ที่ "หัวหิน" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายรอให้คุณไปสัมผัสด้วยตัวเอง... ขอบอกว่าไม่ไปไม่รู้จริงจริ๊ง... สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ต่อไปนี้ค่ะ ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว โทร.0-3253-2433 สำนักงานการท่องเที่ยวภาคกลางเขต 2 (ททท.) โทร. 0-3247-1005-6 สถานีตำรวจ โทร.0-3251-5995 ที่ทำการไปรษณ๊ย์ โทร. 0-3251-1063 สถานีกาชาดเฉลิมพระเกียรติ โทร.0-3251-10124 สถานีรถปรับอากาศหัวหิน โทร.0-3251-1654 สถานีรถไฟหัวหิน โทร.0-3251-1073 สถานีขนส่งหัวหิน (บขส.) โทร 0-3251-1230 ท่าอากาศยานหัวหิน โทร. 0-3252-0343 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.0-3251-3574 สถานีตรวจอากาศหัวหิน โทร.0-3251-1172 ศูนย์ร่วมด้วยช่วยกันหัวหิน โทร.0-3251-9111, 191 ข้อมูลการเดินทาง โดยรถยนต์ส่วนตัว ได้ 2 เส้นทาง - สายธนบุรี - ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.เพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านเพชรบุรี เข้าหัวหิน ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง - สายพุทธมณฑล ผ่านนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยรถโดยสาร เริ่มต้นที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ รถปรับอากาศมี 2 ประเภท คือ ชั้น 1 และ ชั้น 2 รถปรับอากาศชั้น 1 จะจอดเฉพาะอำเภอที่สำคัญเท่านั้น ส่วนรถปรับอากาศชั้น 2 จะแวะจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางด้วย รถปรับอากาศชั้น 1 บ.พุดตานทัวร์ โทร.02-435-5302 บ.หัวหิน-ปราณทัวร์ 02-884-6191-2 บางสะพานทัวร์ 02-435-5105 รถปรับอากาศชั้น 2 รถร่วมบริการ 02-437-7414 โดยรถไฟ มีรถไฟไปหัวหินทุกวัน เริ่มที่หัวลำโพง โทร. 02-233-7010 , 02-223-7020 เริ่มที่สถานีธนบุรี-บางกอกน้อย โทร. 02-411-3104 โดยเครื่องบิน โดยบริษัทบางกอกแอร์เวย์ มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-หัวหิน วันละ 1 เที่ยว โทร. 02-229-3456-63

วันสำคัญของอิสลาม

วันสำคัญทางศาสนาอิสลาม
วันและเดือนที่สำคัญในอิสลามเดือนฮารอม อัลลอฮ์ตรัสไว้ในบท อัตเตาบะห์ โองการที่ 136 ความว่า “แท้จริงจำนวนเดือน ณ อัลลอฮ์มี ๑๒ เดือน โดยระบุในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ในวันที่พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ในจำนวนนี้มี 4 เดือนต้องห้าม”ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวไว้ ความว่า “แท้จริง การเวลานั้นได้หมุนเวียนไปเหมือนกับสภาพของมันในวันที่มีการสร้างฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน ๑ ปีมี ๑๒ เดือน ในจำนวนนี้มี 4 เดือนที่ต้องห้ามโดยมี ๓ เดือนติดต่อกันคือ เดือนซุ้ลก้ออ์ดะห์ ซุลฮิจยะห์และมุฮัรรอม และเดือนรอญับซึ่งอยู่ระหว่างเดือนญุมาดัลอาคิเราะห์และเดือนชะอ์บาน” โดย บุคอรีและมุสลิม คำว่า “เดือนต้องห้าม” หมายความว่า ห้ามทำการสู้รบ และห้ามทำการล้างแค้นกันซึ่งมีมาในสมัยญาฮิลียะห์ (ยุคก่อนที่ท่านศาสดามุฮัมมัดจะเผยแพร่ศาสนา) เดือนมุฮัรรอม
มุฮัรรอม เป็นเดือนแรกของปฏิทินอิสลาม ส่วนวันที่สำคัญในเดือนนี้ได้แก่ วันอาชูรออ์คือวันที่ ๑๐ มุฮัรรอม เป็นวันที่ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ส่งเสริมให้ถือศีลอดและรวมถึงวันที่ ๙ มุฮัรรอม ด้วย เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล นักวิชาการต่างมีความเห็นตรงกันว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด เกิดในวันจันทร์ที่ ๑๒ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ปีช้าง วันฮิจเราะห์ การกำหนดปีฮิจเราะห์ศักราช ท่านศาสดามุฮัมมัดได้อพยพไปถึงนครมะดีนะห์ในวันจันทร์ที่ ๑๒ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ขณะเดียวกันก็ได้มีการคัดเลือกให้เดือนมุฮัรรอมเป็นเดือนแรกของศักราช โดยเหตุนี้จึงทำให้ปีฮิจเราะห์มีมาก่อนการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัดที่แท้จริงเป็นเวลา ๑ เดือน ๑๒ วัน วันตายของท่านศาสดานบีมุฮัมมัด คือวันจันทร์ที่ ๑๒ เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ฮ.ศ. ๑๑ ตรงกับวันที่ ๑๑ มิถุนายน ค.ศ. ๖๓๒ (พ.ศ. ๑๑๗๖) เดือนร่อญับ ร่อญับเป็นเดือนที่ ๗ ของปฏิทินอิสลาม และเป็นเดือนต้องห้ามเดือนเดียวที่อยู่โดดเดี่ยวจากเดือนอื่น และมีการกล่าวว่าในคืนวันที่ ๒๗ ของเดือนนี้เป็นวันเมี๊ยะราจของท่านศาสดามุฮัมมัด ซึ่งนักวิชาการโดยท่านอิหม่ามนะวาวีได้กล่าวให้น้ำหนักว่า วันเมี๊ยะราจของท่านศาสดามุฮัมมัดนั้นเกิดขึ้นในวันที่ ๒๗ ของเดือนร่อบีอุลเอาวาล เดือนชะอ์บาน ชะอ์บาน เป็นเดือนที่ ๘ ของปฏิทินอิสลาม สิ่งที่ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ปฏิบัติโดยเป็นแบบอย่างให้แก่มุสลิมคือการถือศีลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบให้มุสลิมปฏิบัติด้วย เดือนรอมฎอน รอมฎอน เป็นเดือนที่ ๙ ของปฏิทินอิสลาม ที่มวลมุสลิมทั่วโลกถือศีลอด และในขณะเดียวกันอัลลอฮ์ได้ทรงให้เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความประเสริฐ เป็นเดือนแห่งความจำเริญ และเป็นเดือนแห่งการสะสมความดี โดยใน ๑๐ วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ท่านศาสดาได้สั่งใช้ไว้ว่า “ท่านทั้งหลายจงแสวงหาคืน อัลก้อดร์ ในคืนคี่ของ ๑๐ คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน” ฮะดีษนำเสนอโดย บุคอรี จากท่านหญิงอาอิชะห์ เดือนเชาวาล ความสำคัญของเดือนเชาวาลคือ วันที่หนึ่งของเดือนเป็นวันอีดิลฟิฏร์ วันอีดในอิสลามมี ๒ วันคือ วันอีดิลฟิฏร์ และวันอีดิลอัฎฮา วันอีดิลฟิฏร์จะตรงกับวันที่ ๑ ของเดือนเชาวาล และวันอีดิลอัฎฮาจะตรงกับวันที่ ๑๐ ของเดือนซุลฮิจยะห์ วันอีดทั้งสองนี้ อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดให้เป็นวันรื่นเริงของมุสลิม
การถือศีลอด ๖ วัน ความดีที่ควรปฏิบัติในเดือนเชาวาลอีก ได้แก่ การถือศีลอด ๖ วัน เพราะจะทำให้ได้รับภาคผลเท่ากับการถือศีลอด ๑ ปี เดือนซุลฮิจยะห์ ซุลฮิจยะห์ เป็นเดือนที่มีความสำคัญ โดยเกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีฮัจย์ และท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวว่า “ไม่มีวันใดๆ ที่ยิ่งใหญ่ ณ อัลลอฮ์ และไม่เป็นที่รักยิ่ง ณ อัลลอฮ์ โดยการปฏิบัติความดีในวันเหล่านั้นยิ่งกว่า ๑๐ วันแรกของเดือนซุลฮิจยะห์ ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงกล่าว ตัสเบียะห์ (ซุบฮานัลลอฮ์) ตะห์ลีล (ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์) ตั๊กบีร (อัลลอฮุอักบัร) ให้มากในวันเหล่านั้น"การถือศีลอดในวันอารอฟะห์ คือวันที่ ๙ ของเดือนซุลฮิจยะห์ ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวว่า “การถือศีลอดในวันอารอฟะห์ แท้จริง ฉันหวังว่า อัลลอฮ์จะทรงอภัยโทษ (ในความผิด) ๑ ปีก่อนหน้าวันนี้ และ ๑ ปี หลังวันนี้” วันอีดิลอัฎฮาและวันตัชรีก ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้กล่าวถึงความสำคัญของวันอีดิลอัฎฮาและวันตัชรีกไว้ว่า เป็นวันที่มีการปฏิบัติอิบาดะห์ (ศาสนกิจ) และเป็นวันรื่นเริงจึงห้ามการถือศีลอดในวันดังกล่าว และท่านได้กล่าวอีกว่า “วันอารอฟะห์ วันนะหร์ (อีดิลอัฎฮา) และวันตัชรีก (๑๑-๑๒-๑๓ ของเดือนซุลฮิจยะห์) เป็นวันรื่นเริงของเรา โอ้ชาวอิสลาม มันเป็นวันแห่งการกิน และการดื่ม”ผลานิสงค์ของการถือศีลอดในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวว่า “การงานจะถูกนำเสนอ ณ อัลลอฮ์ ในทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี ดังนั้น ฉันจึงชอบที่จะให้การงานของฉันถูกนำเสนอ โดยที่ฉันถือศีลอด”
ความสำคัญของวันศุกร์ ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวว่า “ผู้ใดที่อาบน้ำละหมาด โดยเขาอาบน้ำละหมาดอย่างดี แล้วไปละหมาดญุมุอะห์ (วันศุกร์) และฟังคุฏบะห์ (ธรรมกาถา) โดยสงบนิ่ง เขาจะได้รับการอภัยโทษ ระหว่างวันศุกร์นั้นและวันศุกร์ต่อไป และเพิ่มอีก 3 วัน และผู้ใดที่ลูบคลำเม็ดหิน (ไม่สนใจฟังคุฏบะห์) แท้จริง เขาทำให้ผลบุญในการละหมาดวันศุกร์เป็นโมฆะ” บันทึกโดยมุสลิม
เดือนในปฏิทินอิสลามทั้ง ๑๒ เดือน ได้แก่ ๑. มุฮัรรอม ๒. ซอฟัร ๓. ร่อบีอุลเอาวาล ๔. ร่อบีอุลอาคิร ๕. ญุมาดัลเอาวัล ๖. ญุมาดัลอาคิร ๗. รอญับ ๘. ชะอ์บาน ๙. รอมฎอน ๑๐. เชาวาล ๑๑. ซุลเก๊าะดะห์ ๑๒. ซุลฮิจยะห์















เทคนิคเรียนเก่ง

เทคนิคการเรียนให้เก่ง
พูดถึงเรื่องเรียน ใครๆก็อยากเก่งกันทุกคน แต่คงมีหลายคน ที่อาจจะท้อแท้กับการเรียน นักวิชาการและนักวิจัยต่างๆ ได้ทำการสำรวจและวิจัย พบว่าเทคนิคการเรียนต่างๆจากหลายๆคนแตกต่างกันไป ก็เลยนำมาเสนอให้เพื่อนๆที่สนใจได้อ่านด้วย เราไปดูกันดีกว่าว่า การเรียน เก่ง เขามีเทคนิคอะไร ยังไง
จากการวิจัยและวิเคราะห์ของนักแนะแนวการศึกษาและนักจิตวิทยาหลายคนพบว่า ผู้ที่เรียนไม่ค่อยประสบความสำเร็จหรือเรียนแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ได้แก่ผู้ที่มีลักษณะดังนี้
- เป็นคนที่มักละทิ้งงานไว้ก่อนก่อนจึงค่อยทำ เมื่อถึงนาทีสุดท้าย
- เสียสมาธิ หันเห ความสนใจไปจากการเรียนได้โดยง่าย
- เมื่อทำงานที่ยากๆ จะสูญเสียความสนใจ หรือขาดความมานะ พยายามนั่นเอง
- มักใช้เรื่องของการสอบ เป็นเครื่องกระตุ้นการเรียน
- ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีตารางการทำงานอย่าวงสม่ำเสมอ
การเรียนที่มีประสิทธิภาพควรมีลักษณะดังนี้คือ
- ควรมีตารางเรียนและทำงานตรงตามเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ
- ทำงานในระยะเวลาที่ไม่นานนักและควรมีการหยุดพักผ่อน
- ไม่ปล่อยงานค้างไว้จนวินาทีสุดท้าย
- ควรตั้งสมาธิให้แน่วแน่ ไม่เสียสมาธิง่าย
- อย่าใช้การสอบเป็นนแรงจูงใจในการอ่านหนังสือ
- ควรอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนตามสมควร
- เข้าฟังการบรรยาย สัมมนาแล้วควรกลับไปอ่านทบทวน
- พยายามอย่าละเลยวิชาที่ยากกว่าวิชาอื่นๆ
- ควรมีความรู้ในการใช้บริการห้องสมุดด้วยเป็นดี
- ปรับปรุงคำบรรยาย ที่จดจากห้องเรียนให้กระชับ กะทัดรัดและเข้าใจง่าย
- พยายามทำให้การเรียนเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และสนุกสนานกับมัน
- ควรมีแรงกระตุ้นกับมันและไม่ควรทำงานหนักเกินไปในวันหยุด
- เมื่อพยายามปฏิบัติทุกข้ออย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้เรียนได้ดี
จากการวิจัยเรื่องลักษณะการอ่านหนังสือหลายๆคนมักจะทำกันอย่างนี้
- อ่านหนังสือเที่ยวนึงก่อน แล้วกลับมาอ่านซ้ำอีกที
- ขีดเส้นใต้ใจความหลักและรายละเอียดที่สำคัญในตำรา
- อ่านอย่างตั้งใจแล้วทำบันทึกเค้าโครงสั้นๆไว้ เพื่อประหยัดเวลาในการอ่านทบทวน
ซึ่งนักวิเคราะห์สรุปว่า วิธีที่3ค่อนข้างจะดีกว่าข้ออื่นๆแต่การทำพร้อมๆกันทั้ง 3 วิธี เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการอ่านหนังสือเลยทีเดียว
Thorndike กล่าวว่า ประสบการณ์ก่อให้เกิดความชำนาญ เขาใด้ตั้งกฎแห่งการเรียนไว้ 3 อย่างซึ่งพูดถึงการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น การตอบรับ การฝึกหัดเพื่อก่อให้ เกิดประสบการณ์ และการเตรียมความพร้อมในด้านการเรียน และเขายังมี ข้อแนะนำที่จะช่วยให้การเรียนได้ผลดีและรวดเร็ว คือ
- พยายามสร้างความอยากที่จะเรียน (motivation)
- พยายามตอบสนองต่อการเรียน (reaction) อย่างต่อเนื่อง
- ควรมีความแน่วแน่กับการเรียน (concentrate)
- จัดลำดับเรี่องที่จะเรียน (organization) ให้เป็นหมวดหมู่ก่อนหลัง ไม่ปะปนกัน
- ควรมีความเข้าใจ (comprehension) ในจุดมุ่งหมายในเนื้อหาที่เรียน
- มีการทบทวน (repettition) เพื่อเป็นการไม่ให้ลืม
เทคนิคการอ่านหนังสือ โดย อ.พรทิพย์ ศรีสุรักษ์
- สำรวจเนื้อหาและส่วนประกอบต่างๆในเล่มทั้งหมด
- อ่านเนื้อหาทั้งหมด แล้วอ่านซ้ำเพื่อจับ
- ควรมีการตั้งคำถามกับตัวเองขณะอ่าน ว่าใคร ทำอะไร ที่ใหน เมื่อไหร่ อย่างไร
- ขีดเส้นใต้ข้อความสำคัญจากนั้นบันทึกเป็นคำพูดที่เข้าใจง่าย
- พยายามจับประเด็นจากคำบรรยายและจากตำราให้เข้ากัน
- ต้องมีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ
หลัก SQ3R เพื่อช่วยให้การอ่านตำราประสบความสำเร็จมีดังนี้
S:
servey
คือ การสำรวจตำราเรียนอย่างคร่าวๆ
Q:
question
คือ การตั้งคำถามทั่วๆไปเพื่อที่จะเข้าสู่เนื้อหา
R:
read
แล้วก็ต้องอ่านเพื่อจับประเด็นความคิดออกมา
R:
recall
แล้วต้องพยายามที่จะจดจำในเนื้อหาที่สำคัญๆไว้ด้วย และ R สุดท้าย
R:
review
หมั่นทบทวนอยู่เสมอเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและการนำไปใช้
นอกจากนี้ อ.ธีรพร ชัยวัชราภรณ์ ยังให้เทคนิคการจำที่น่าสนใจ ให้นำไปใช้อีกด้วย
- อย่าจดจำในสิ่งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ
- ทบทวนบันทึกหลังการเรียนมาภายใน12ชม.
- ต้องทำความเข้าใจในเนื้อหาทุกๆตอนก่อนที่จะผ่านไปและต้องทบทวนอย่างสม่ำเมอ
- พยายามเรียนให้มากๆและอย่าเพิ่งหยุดในขณะที่เพิ่งเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
- เลือกจำเฉพาะจุดที่สำคัญและรวบรวมเนื่อหาเหล่านั้นเข้าด้วยกันและมีระบบขั้นตอน
- ทำการซ้ำหลายๆหน เช่นท่องปากเปล่าหรือเขียนเพื่อที่จะช่วยให้จดจำได้มากขึ้น และ
- การท่องเป็นจังหวะจะช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น
วิธีเรียนให้เก่ง
ฝึกสังเกต สังเกตในสิ่งที่เราเห็น หรือสิ่งแวดล้อม เช่น ไปดูนก ดูผีเสื้อ หรือในการทำงาน การฝึกสังเกตจะทำให้เกิดปัญญามาก โลกทรรศน์ และวิธีคิด สติ-สมาธิ จะเข้าไปมีผลต่อการสังเกต และสิ่งที่สังเกต
ฝึกบันทึก เมื่อสังเกตอะไรแล้วควรฝึกบันทึก โดยจะวาดรูปหรือ บันทึกข้อความ ถ่ายภาพ ถ่ายวีดิโอ ละเอียดมากน้อยตามวัยและ ตามสถานการณ์การบันทึกเป็นการพัฒนาปัญญา
ฝึกการนำเสนอต่อที่ประชุม กลุ่ม เมื่อ มีการทำงานกลุ่ม เรา ไปเรียนรู้อะไรมาบันทึกอะไรมา จะนำเสนอให้เพื่อนหรือครูรู้เรื่อง ได้อย่างไร ก็ต้องฝึกการนำเสนอการนำเสนอได้ดีจึงเป็นการพัฒนา ปัญญาทั้งของผู้นำเสนอและของกลุ่ม
ฝึกการฟัง ถ้ารู้จักฟังคนอื่นก็จะทำให้ฉลาดขึ้น โบราณเรียกว่า เป็นพหูสูตบางคนไม่ได้ยินคนอื่นพูด เพราะหมกมุ่นอยู่ในความคิด ของตัวเองหรือมีความฝังใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนเรื่องอื่นเข้าไม่ได้ ฉันทะ สติ สมาธิ จะช่วยให้ฟังได้ดีขึ้น
ฝึกปุจฉา-วิสัชนา เมื่อมีการนำเสนอและการฟังแล้ว ฝึกปุจฉา-วิสัชนา หรือถาม-ตอบ ซึ่งเป็นการฝึกใช้เหตุผล วิเคราะห์ สังเคราะห์ ทำ ให้เกิดความแจ่มแจ้งในเรื่องนั้นๆ ถ้าเราฟังครูโดยไม่ถาม-ตอบ ก็ จะไม่แจ่มแจ้ง
ฝึกตั้งสมมติฐานและตั้งคำถาม เวลาเรียนรู้อะไรไปแล้ว เรา ต้องสามารถตั้งคำถามได้ว่า สิ่งนี้คืออะไร สิ่งนั้นเกิดจากอะไร อะไรมีประโยชน์ ทำอย่างไรจะสำเร็จประโยชน์อันนั้น และมีการ ฝึกการตั้งคำถาม ถ้ากลุ่มช่วยกันคิดคำถามที่มีคุณค่าและมีความ สำคัญ ก็จะอยากได้คำตอบ
ฝึกการค้นหาคำตอบ เมื่อมีคำถามแล้วก็ควรไปค้นหาคำตอบ จากหนังสือ จากตำรา จากอินเตอร์เน็ต หรือไปคุยกับคนเฒ่าคน แก่ แล้วแต่ธรรมชาติของคำถาม การค้นหาคำตอบต่อคำถามที่ สำคัญจะสนุกและทำให้ได้ความรู้มาก ต่างจากการท่องหนังสือ โดยไม่มีคำถาม บางคำถามเมื่อค้นหาคำตอบทุกวิถีทางจนหมด แล้วก็ไม่พบ แต่ถามยังอยู่ และมีความสำคัญ ต้องหาคำตอบต่อ ไปด้วยการวิจัย
การวิจัย การวิจัยเพื่อหาคำตอบเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เรียนรู้ทุกระดับการวิจัยจะทำให้ค้นพบความรู้ใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิด ความภูมิใจ สนุก และมีประโยชน์มาก
เชื่อมโยงบูรณาการ ให้เห็นความเป็นทั้งหมดและเห็นตัวเอง ธรรมชาติของสรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยง เมื่อเรียนรู้อะไรมาอย่าให้ความ รู้นั้นแยกเป็นส่วน ๆ แต่ควรจะเชื่อมโยงเป็นบูรณาการให้เห็นความเป็น ทั้งหมดในความเป็นทั้งหมดจะมีความงาม และมีมิติอื่นผุดบังเกิด ออกมาเหนือความเป็นส่วน ๆ และในความเป็นทั้งหมดนั้นมองให้ เห็นตัวเอง เกิดการรู้ตัวเองตามความเป็นจริง ว่าสัมพันธ์กับความ เป็นทั้งหมดอย่างไร จริยธรรมอยู่ที่ตรงนี้ คือการเรียนรู้ตัวเองตาม ความเป็นจริง ว่าสัมพันธ์กับความเป็นทั้งหมดอย่างไร
ดังนั้น ไม่ว่าการเรียนรู้อะไร ๆ ก็มีมิติทางจริยธรรมอยู่ในนั้นเสมอ มิติทางจริยธรรมอยู่ในความเป็นทั้งหมดนั่นเอง ต่างจากการเอา จริยธรรมไปเป็นวิชา ๆ หนึ่งแบบแยกส่วน แล้วก็ไม่ค่อยได้ผล ในการบูรณาการความรู้ที่เรียนรู้มาให้รู้ความเป็นทั้งหมด และเห็นตัวเองนี้ จะนำไปสู่อิสรภาพและความสุขอันล้นเหลือ เพราะ หลุดพ้นจากความบีบคั้นของความไม่รู้ การไตร่ตรองนี้จะโยงกลับไป สู่วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ว่าเพื่อลดตัวกู-ของกู และเพื่อการ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ อันจะช่วยกำกับให้การแสวงหาความรู้เป็นไป เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว มิใช่เป็นไปเพื่อความกำเริบแห่งอหังการ และเพื่อรบกวนการอยู่ร่วมกันด้วยสันติ
ฝึกการเขียนเรียบเรียงทางวิชาการ ถึงกระบวนการเรียนรู้และความรู้ ใหม่ที่ได้มาการเรียบเรียงทางวิชาการเป็นการเรียบเรียงความคิดให้ประณีตขึ้น ทำให้ค้นคว้าหาหลักฐานที่มาที่อ้างอิงของความรู้ให้ถี่ถ้วนแม่นยำขึ้น การเรียบเรียงทางวิชากรจึงเป็นการพัฒนาปัญญาของตนเองอย่างสำคัญ และเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ของผู้อื่นในวงกว้างออกไป

เทคนิคเรียนเก่ง


เทคนิคการเรียนให้เก่ง
พูดถึงเรื่องเรียน ใครๆก็อยากเก่งกันทุกคน แต่คงมีหลายคน ที่อาจจะท้อแท้กับการเรียน นักวิชาการและนักวิจัยต่างๆ ได้ทำการสำรวจและวิจัย พบว่าเทคนิคการเรียนต่างๆจากหลายๆคนแตกต่างกันไป ก็เลยนำมาเสนอให้เพื่อนๆที่สนใจได้อ่านด้วย เราไปดูกันดีกว่าว่า การเรียน เก่ง เขามีเทคนิคอะไร ยังไง
จากการวิจัยและวิเคราะห์ของนักแนะแนวการศึกษาและนักจิตวิทยาหลายคนพบว่า ผู้ที่เรียนไม่ค่อยประสบความสำเร็จหรือเรียนแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ได้แก่ผู้ที่มีลักษณะดังนี้
- เป็นคนที่มักละทิ้งงานไว้ก่อนก่อนจึงค่อยทำ เมื่อถึงนาทีสุดท้าย
- เสียสมาธิ หันเห ความสนใจไปจากการเรียนได้โดยง่าย
- เมื่อทำงานที่ยากๆ จะสูญเสียความสนใจ หรือขาดความมานะ พยายามนั่นเอง
- มักใช้เรื่องของการสอบ เป็นเครื่องกระตุ้นการเรียน
- ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีตารางการทำงานอย่าวงสม่ำเสมอ
การเรียนที่มีประสิทธิภาพควรมีลักษณะดังนี้คือ
- ควรมีตารางเรียนและทำงานตรงตามเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ
- ทำงานในระยะเวลาที่ไม่นานนักและควรมีการหยุดพักผ่อน
- ไม่ปล่อยงานค้างไว้จนวินาทีสุดท้าย
- ควรตั้งสมาธิให้แน่วแน่ ไม่เสียสมาธิง่าย
- อย่าใช้การสอบเป็นนแรงจูงใจในการอ่านหนังสือ
- ควรอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนตามสมควร
- เข้าฟังการบรรยาย สัมมนาแล้วควรกลับไปอ่านทบทวน
- พยายามอย่าละเลยวิชาที่ยากกว่าวิชาอื่นๆ
- ควรมีความรู้ในการใช้บริการห้องสมุดด้วยเป็นดี
- ปรับปรุงคำบรรยาย ที่จดจากห้องเรียนให้กระชับ กะทัดรัดและเข้าใจง่าย
- พยายามทำให้การเรียนเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และสนุกสนานกับมัน
- ควรมีแรงกระตุ้นกับมันและไม่ควรทำงานหนักเกินไปในวันหยุด
- เมื่อพยายามปฏิบัติทุกข้ออย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้เรียนได้ดี
จากการวิจัยเรื่องลักษณะการอ่านหนังสือหลายๆคนมักจะทำกันอย่างนี้
- อ่านหนังสือเที่ยวนึงก่อน แล้วกลับมาอ่านซ้ำอีกที
- ขีดเส้นใต้ใจความหลักและรายละเอียดที่สำคัญในตำรา
- อ่านอย่างตั้งใจแล้วทำบันทึกเค้าโครงสั้นๆไว้ เพื่อประหยัดเวลาในการอ่านทบทวน
ซึ่งนักวิเคราะห์สรุปว่า วิธีที่3ค่อนข้างจะดีกว่าข้ออื่นๆแต่การทำพร้อมๆกันทั้ง 3 วิธี เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการอ่านหนังสือเลยทีเดียว
Thorndike กล่าวว่า ประสบการณ์ก่อให้เกิดความชำนาญ เขาใด้ตั้งกฎแห่งการเรียนไว้ 3 อย่างซึ่งพูดถึงการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น การตอบรับ การฝึกหัดเพื่อก่อให้ เกิดประสบการณ์ และการเตรียมความพร้อมในด้านการเรียน และเขายังมี ข้อแนะนำที่จะช่วยให้การเรียนได้ผลดีและรวดเร็ว คือ
- พยายามสร้างความอยากที่จะเรียน (motivation)
- พยายามตอบสนองต่อการเรียน (reaction) อย่างต่อเนื่อง
- ควรมีความแน่วแน่กับการเรียน (concentrate)
- จัดลำดับเรี่องที่จะเรียน (organization) ให้เป็นหมวดหมู่ก่อนหลัง ไม่ปะปนกัน
- ควรมีความเข้าใจ (comprehension) ในจุดมุ่งหมายในเนื้อหาที่เรียน
- มีการทบทวน (repettition) เพื่อเป็นการไม่ให้ลืม
เทคนิคการอ่านหนังสือ โดย อ.พรทิพย์ ศรีสุรักษ์
- สำรวจเนื้อหาและส่วนประกอบต่างๆในเล่มทั้งหมด
- อ่านเนื้อหาทั้งหมด แล้วอ่านซ้ำเพื่อจับ
- ควรมีการตั้งคำถามกับตัวเองขณะอ่าน ว่าใคร ทำอะไร ที่ใหน เมื่อไหร่ อย่างไร
- ขีดเส้นใต้ข้อความสำคัญจากนั้นบันทึกเป็นคำพูดที่เข้าใจง่าย
- พยายามจับประเด็นจากคำบรรยายและจากตำราให้เข้ากัน
- ต้องมีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ
หลัก SQ3R เพื่อช่วยให้การอ่านตำราประสบความสำเร็จมีดังนี้
S:
servey
คือ การสำรวจตำราเรียนอย่างคร่าวๆ
Q:
question
คือ การตั้งคำถามทั่วๆไปเพื่อที่จะเข้าสู่เนื้อหา
R:
read
แล้วก็ต้องอ่านเพื่อจับประเด็นความคิดออกมา
R:
recall
แล้วต้องพยายามที่จะจดจำในเนื้อหาที่สำคัญๆไว้ด้วย และ R สุดท้าย
R:
review
หมั่นทบทวนอยู่เสมอเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและการนำไปใช้
นอกจากนี้ อ.ธีรพร ชัยวัชราภรณ์ ยังให้เทคนิคการจำที่น่าสนใจ ให้นำไปใช้อีกด้วย
- อย่าจดจำในสิ่งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ
- ทบทวนบันทึกหลังการเรียนมาภายใน12ชม.
- ต้องทำความเข้าใจในเนื้อหาทุกๆตอนก่อนที่จะผ่านไปและต้องทบทวนอย่างสม่ำเมอ
- พยายามเรียนให้มากๆและอย่าเพิ่งหยุดในขณะที่เพิ่งเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
- เลือกจำเฉพาะจุดที่สำคัญและรวบรวมเนื่อหาเหล่านั้นเข้าด้วยกันและมีระบบขั้นตอน
- ทำการซ้ำหลายๆหน เช่นท่องปากเปล่าหรือเขียนเพื่อที่จะช่วยให้จดจำได้มากขึ้น และ
- การท่องเป็นจังหวะจะช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น
วิธีเรียนให้เก่ง
ฝึกสังเกต สังเกตในสิ่งที่เราเห็น หรือสิ่งแวดล้อม เช่น ไปดูนก ดูผีเสื้อ หรือในการทำงาน การฝึกสังเกตจะทำให้เกิดปัญญามาก โลกทรรศน์ และวิธีคิด สติ-สมาธิ จะเข้าไปมีผลต่อการสังเกต และสิ่งที่สังเกต
ฝึกบันทึก เมื่อสังเกตอะไรแล้วควรฝึกบันทึก โดยจะวาดรูปหรือ บันทึกข้อความ ถ่ายภาพ ถ่ายวีดิโอ ละเอียดมากน้อยตามวัยและ ตามสถานการณ์การบันทึกเป็นการพัฒนาปัญญา
ฝึกการนำเสนอต่อที่ประชุม กลุ่ม เมื่อ มีการทำงานกลุ่ม เรา ไปเรียนรู้อะไรมาบันทึกอะไรมา จะนำเสนอให้เพื่อนหรือครูรู้เรื่อง ได้อย่างไร ก็ต้องฝึกการนำเสนอการนำเสนอได้ดีจึงเป็นการพัฒนา ปัญญาทั้งของผู้นำเสนอและของกลุ่ม
ฝึกการฟัง ถ้ารู้จักฟังคนอื่นก็จะทำให้ฉลาดขึ้น โบราณเรียกว่า เป็นพหูสูตบางคนไม่ได้ยินคนอื่นพูด เพราะหมกมุ่นอยู่ในความคิด ของตัวเองหรือมีความฝังใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนเรื่องอื่นเข้าไม่ได้ ฉันทะ สติ สมาธิ จะช่วยให้ฟังได้ดีขึ้น
ฝึกปุจฉา-วิสัชนา เมื่อมีการนำเสนอและการฟังแล้ว ฝึกปุจฉา-วิสัชนา หรือถาม-ตอบ ซึ่งเป็นการฝึกใช้เหตุผล วิเคราะห์ สังเคราะห์ ทำ ให้เกิดความแจ่มแจ้งในเรื่องนั้นๆ ถ้าเราฟังครูโดยไม่ถาม-ตอบ ก็ จะไม่แจ่มแจ้ง
ฝึกตั้งสมมติฐานและตั้งคำถาม เวลาเรียนรู้อะไรไปแล้ว เรา ต้องสามารถตั้งคำถามได้ว่า สิ่งนี้คืออะไร สิ่งนั้นเกิดจากอะไร อะไรมีประโยชน์ ทำอย่างไรจะสำเร็จประโยชน์อันนั้น และมีการ ฝึกการตั้งคำถาม ถ้ากลุ่มช่วยกันคิดคำถามที่มีคุณค่าและมีความ สำคัญ ก็จะอยากได้คำตอบ
ฝึกการค้นหาคำตอบ เมื่อมีคำถามแล้วก็ควรไปค้นหาคำตอบ จากหนังสือ จากตำรา จากอินเตอร์เน็ต หรือไปคุยกับคนเฒ่าคน แก่ แล้วแต่ธรรมชาติของคำถาม การค้นหาคำตอบต่อคำถามที่ สำคัญจะสนุกและทำให้ได้ความรู้มาก ต่างจากการท่องหนังสือ โดยไม่มีคำถาม บางคำถามเมื่อค้นหาคำตอบทุกวิถีทางจนหมด แล้วก็ไม่พบ แต่ถามยังอยู่ และมีความสำคัญ ต้องหาคำตอบต่อ ไปด้วยการวิจัย
การวิจัย การวิจัยเพื่อหาคำตอบเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เรียนรู้ทุกระดับการวิจัยจะทำให้ค้นพบความรู้ใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิด ความภูมิใจ สนุก และมีประโยชน์มาก
เชื่อมโยงบูรณาการ ให้เห็นความเป็นทั้งหมดและเห็นตัวเอง ธรรมชาติของสรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยง เมื่อเรียนรู้อะไรมาอย่าให้ความ รู้นั้นแยกเป็นส่วน ๆ แต่ควรจะเชื่อมโยงเป็นบูรณาการให้เห็นความเป็น ทั้งหมดในความเป็นทั้งหมดจะมีความงาม และมีมิติอื่นผุดบังเกิด ออกมาเหนือความเป็นส่วน ๆ และในความเป็นทั้งหมดนั้นมองให้ เห็นตัวเอง เกิดการรู้ตัวเองตามความเป็นจริง ว่าสัมพันธ์กับความ เป็นทั้งหมดอย่างไร จริยธรรมอยู่ที่ตรงนี้ คือการเรียนรู้ตัวเองตาม ความเป็นจริง ว่าสัมพันธ์กับความเป็นทั้งหมดอย่างไร
ดังนั้น ไม่ว่าการเรียนรู้อะไร ๆ ก็มีมิติทางจริยธรรมอยู่ในนั้นเสมอ มิติทางจริยธรรมอยู่ในความเป็นทั้งหมดนั่นเอง ต่างจากการเอา จริยธรรมไปเป็นวิชา ๆ หนึ่งแบบแยกส่วน แล้วก็ไม่ค่อยได้ผล ในการบูรณาการความรู้ที่เรียนรู้มาให้รู้ความเป็นทั้งหมด และเห็นตัวเองนี้ จะนำไปสู่อิสรภาพและความสุขอันล้นเหลือ เพราะ หลุดพ้นจากความบีบคั้นของความไม่รู้ การไตร่ตรองนี้จะโยงกลับไป สู่วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ว่าเพื่อลดตัวกู-ของกู และเพื่อการ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ อันจะช่วยกำกับให้การแสวงหาความรู้เป็นไป เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว มิใช่เป็นไปเพื่อความกำเริบแห่งอหังการ และเพื่อรบกวนการอยู่ร่วมกันด้วยสันติ
ฝึกการเขียนเรียบเรียงทางวิชาการ ถึงกระบวนการเรียนรู้และความรู้ ใหม่ที่ได้มาการเรียบเรียงทางวิชาการเป็นการเรียบเรียงความคิดให้ประณีตขึ้น ทำให้ค้นคว้าหาหลักฐานที่มาที่อ้างอิงของความรู้ให้ถี่ถ้วนแม่นยำขึ้น การเรียบเรียงทางวิชากรจึงเป็นการพัฒนาปัญญาของตนเองอย่างสำคัญ และเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ของผู้อื่นในวงกว้างออกไป


วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวเกาะสมุย

เที่ยวเกาะสมุย
วันแรก ของการท่องเที่ยวเริ่มออกเดินทางจาก กทม. แวะเข้าห้องน้ำตามปั้มรายทาง และเก็บภาพตลอดทาง ถึงสุราษฏร์ธานี ก็แวะล้างหน้าล้างตา แล้วก็ขึ้น เรือเฟอร์รี่ ข้ามเกาะ มุ่งหน้าสู้ เกาะสมุย กัน .......เย้! ถึงเกาะสมุย ก็เข้าสู่ที่พักกันต่อ ณ บ้านภูเล ( ว้าว !.......อลังการงานสร้าง ) จัดแจงที่พักแล้วก็แยกย้ายกันเอากระเป๋าและสัมภาระไปเก็บ แล้วก็ลงมาทานอาหารมื้อเชี่องกัน ( อะอ่ะ ! ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ ก็พอดีมันเป็น มื้อเช้า + มื้อเที่ยง = มื้อเชี่ยง อ่ะ 5555+) ออกไปสักการะหลวงพ่อวัดใหญ่ เกาะฟาน แวะเก็บภาพ ณ จุดชมวิวบน เกาะสมุย ต่อกันที่ หินตาหินยาย อันเลื่องชื่อของเกาะสมุย (อันนี้ขอ Confirm ใหญ่มาก ! หินตาหินยายน่ะ อย่าคิดมาก) แวะกินฟรีและแวะซื้อ กาละแม ข้างทางที่ หินตาหินยาย แล้วก็กลับสู่ที่พัก ทานอาหารเย็น ที่ บ้านภูเล (บาบีคิว ร้อนๆ สดจากเตา ย่างกันเอง) ต่อด้วยโปรแกรมที่จะขาดไม่ได้เลย เป็นไฮไลท์ของงาน คือ ตั้งวงเล่นไพ่กัน . . . . . เด้งโว๊ย เด้ง! หลังจากเสียตังค์แล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อน นอนหลับกันถ้วนหน้า เสียตังค์ทุกคน วันที่สอง ของการท่องเที่ยวตื่นแต่เช้ารับลมสักหน่อย อาบน้ำอาบท่าล้างหน้าล้างตา และทานมื้อเช้า แบบ Break Fast ออกเดินทางไปขึ้นเรือ เพื่อจะไปทำกิจกรรมกันที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เริ่มโปรแกรมแรกกันที่ เกาะแม่เกาะ และขึ้นไปชมทะเลใน ว้าว!............สวย พักเที่ยง ทานมื้อเที่ยงกัน แบบบุฟเฟ่ต์ บนเรือและเริ่มเดินทางไปที่กิจกรรมที่สองในช่วงบ่ายกันต่อ ถึงแล้ว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง มีกิจกรรมให้ทำคือ เดินขึ้นไปบนจุดชมวิวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เพื่อดูหมู่เกาะ ทั้ง 52 เกาะ(สวยงามมาก) เสร็จจากไปชมวิวบนเกาะก็ลงมาดำน้ำหน้าหาด ชมปะการังน้ำตื้น และเลือกทำกิจกรรมได้ตามสบาย หรือใครจะพักผ่อนก็ได้ ตามอัธยาศัย ทำกิจกรรมกันเสร็จก็ขึ้นเรือ กับสู่เกาะสมุยกัน ถึงเกาะสมุยแล้ว ก่อนกลับเข้าที่พักก็แวะหาซื้อเสบียง ที่ เทสโก้ โลตัส บนเกาะสมุยสักหน่อย (ข้อห้าม ! ห้ามนำบุคคลที่ช๊อปเก่งๆไปเดินเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าท่านมีเพื่อนหรือญาติผู้ชาย เราขอแนะนำให้ท่านให้เค้าช๊อปแทน เพื่อกันงบประมาณขาดดุลย์ และเกินวงเงิน ทางเราเจอมากับตัวแล้ว) ใช่ไหมพี่แอ้ม หลังจากช๊อปกันกระจายก็กลับมาสู่ที่พักอันหรูหรา ตระการตา ทานอาหารมื้อค่ำ ด้วย เมนูอาหารทะเล แบบซีฟู๊ด ต่อด้วยกิจกรรมที่ขาดมิได้ เหมือนเคย แต่วันนี้เปลื่ยนเล่น เก้าเกย์ครับ เสียตังค์กันตามระเบียบ แต่ขอโทษนะครับวันนี้ผมเล่นได้มาเพียบเลย 555+ เกรงใจจัง พักก็ฟรี กินก็ฟรีบางมื้อ แต่ส่วนใหญ่จะฟรี ยังมาเอาเงินเค้าอีก ไม่รู้จะขนเงินกลับยังไง กลุ้มใจ ไม่กล้าขอกระสอบเค้าอ่ะ เกรงใจจัง พี่เค้าใจดีมากๆให้พักฟรีกินฟรี แถมเงินให้อีกอ่ะ เล่นเสร็จ ก็นอนหลับผักผ่อนตามอัธยาศัย วันที่สาม ของการท่องเที่ยวตื่นนอน อาบน้ำ แปรงฟัน ลงมาทานอาหารมื้อเช้าด้วย ข้าวต้มเครื่อง อร่อยมาก! อย่างนี้ น้องพลับขอสอง น้องโอขอ สี่ ออกเดินทางจากที่พักไปสักการบูชาเจดีย์ วัดแหลมสอ แวะทานอาหารว่างในมื้อสบายๆกันที่ ร้านเจ้ทราย ที่ท่าเรือบางรัก เค้าบอกกันว่าเมนูเด็ด อาหารแนะนำ (ส้มตำ+หอยทอด+ผัดไท) จัดมาเลย 1 ชุด และก็ไปทานอาหารมื้อเที่ยงกันต่อที่ร้านปะการัง (เป็นมื้อหนัก) ได้เวลาย่อยละ แวะช๊อปปิ้งที่ เทสโก้ โลตัส บนเกาะสมุย ช๊อปตามอัธยาศัย ใครใคร่ซื้อ...ซื้อ ใครใครกิน....กิน จบกันที่ ร้านไอศกรีม สเวนเซ่น ของโปรด 55+ กลับเข้าที่พัก เปลื่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เล่นทะเลกันหน้าหาดที่พัก พายเรือแคนนู และเก็บภาพ อีกตามระเบียบ ทานอาหารมื้อค่ำ แบบผสมผสาน (อะไรเหลือในตู้เย็นเอามาทำให้หมด) อิ่มกันแล้วก็ ออกล่องราตรี ดูวิถีชีวิตชาวเกาะสมุยกันยามค่ำคืน (เกิดมาเพื่อสิ่งนี้) ดูสองข้างทาง ทานอาหารตา เอาซะปวดคอเลย จริงไหมพี่แอ้ กลับที่พัก ณ บ้านภูเล พักผ่อนกันตามสบาย วันสุดท้าย ของการท่องเที่ยว ตื่นเช้าด้วยความอาลัย สถานที่นิดหน่อย น่าเสียดายจังเวลาช่างสั้นจัง ทานอาหารเช้า ขนสัมภาระออกจากที่พักเดินทางไปท่าเรือเฟอร์รี มุ่งหน้ากลับสู่สุราษฏร์ธานี แวะทานอาหารมื้อเที่ยง กันข้างทาง (อาหารตามสั่ง) ออกเดินทางกลับสู่ กทม. แวะเก็บภาพและซื้อของฝากที่ สวนนายดำ จ.ชุมพร ส้วมสวยที่สุดในประเทศไทย ทานมื้อเย็นกันที่ร้าน Coffe Go เห็นวิวตามมุมต่างๆของร้านก็อดใจเก็บภาพมิได้ 555+

เที่ยวชะอำ

ชะอำ
สวยๆ กันทั้งนั้นเลย
ทะเลชะอำสวยจริงๆ ครับ ถ้าว่างนะนำมาเที่ยวกันใกล้กรุงเทพครับ
ภาพความสุขแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ครับกว่าจะได้หยุดยาววางแพลนเตรียมตัวหลายเดือนเลยเพราะทุกคนมีหน้าที่พอได้หยุดและมาพักผ่อนกันแบบนี้สนุกจริงๆ

เล่นบานาน่าโบท ก็สนุกไปอีกแบบ
เพื่อนๆ เขาเล่นน้ำทะเลเล่นบานาน่าโบทกันสนุกสนานแต่ผมขอตัวไม่เอาดีกว่ากลัวน้ำทะเลครับเค็มและก็แดดร้อนครับ

มาทะเลทั้งทีพลาดได้ไงท่าแบบนี้
เป็นมนุษย์ จั้มเปอร์ ครับ โดนเข้าไปเต็มๆ ท้อง

วัดนาคปรก

วัดนาคปรก
ลักษณะพื้นที่
แต่เดิมเป็นสวน มีลำคลองไหลผ่านทั้งหน้าวัดหลังวัดการคมนาคม ในอดีตใช้เรือในการไปมาหาสู่กัน ปัจจุบันลำคลองบางส่วนได้ถูกถมทำเป็นถนนทางสัญจรของประชาชนที่อยู่ละแวกใกล้วัด สภาพชมชนปัจจุบันได้กลายเป็นตึกรามบ้านช่อง เป็นชุมชนขนาดใหญ่
ที่ตั้งและอาณาเขตของวัด
ที่ตั้ง วัดนาคปรก มีฐานะเป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๓๔๒ ถนนเทอดไท ๔๙ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ที่ดินที่ตั้งวัดมี ๑๒ ไร่ ๑ งาน ๔๒ ตารางวา โฉนดเลขที่ ๒๕๐๔๓ อาณาเขต ทิศเหนือติดกันคลองวัดนาคปรก ด้านทิศตะวันออกติดกับวัดนางชี ทิศใต้ติดกับคลองบางหว้า และด้านทิศตะวันตกติดกับโรงเรียนวัดนาคปรก
ผู้สร้างวัด
ตามประวัติเล่าสืบกันว่า เมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย-กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ ๓-๔) มีพ่อค้าเรือสำเภาชาวจีน ชื่อ พระบริบูรณ์ธนากร (เจ้าสัวพุก แซ่ตัน)* เดินทางมาประกอบการค้าขายที่พระนคร ฝั่งธนบุรี ย่านตลาดพลู ได้ตั้งรากปักฐานเป็นครอบครัวกับภรรยาคนไทย เจ้าสัวพุก เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสยิ่งในพระพุทธศาสนา มีฐานะดีพอที่จะเกื้อกูลประโยชน์แก่คนอื่น จึงได้คิดริเริ่มก่อสร้างวัดขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม กิจกรรม และศาสนกิจทางพระพุทธศาสนา อีกประการหนึ่ง เพื่อเป็นการตอบแทนคุณชาวไทยที่ทำให้การค้าขายของตนเติบโตก้าวหน้า การก่อสร้างเริ่มแรกได้สร้างโบสถ์ขึ้นก่อน พร้อมกับเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นเครื่องบูชาของชาวจีนโบราณต่างๆ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ตนเอง และสร้างวิหารมีลักษณะทรงไทยเป็นอนุสรณ์แก่ภรรยา เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังลายไทยเล่าเรื่องราวการเสด็จลงจากดาวดึงส์ และเรื่องราวการชนะมารของพระพุทธเจ้า
ครั้นแล้วได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางมารวิชัยมาจากเมืองสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ในวิหาร พระประธานองค์ประดิษฐานที่วิหารนั้นมีพญานาค ๗ เศียรแผ่พังพาน เป็นรูปปูนปั้น องค์พระเป็นพระปางมารวิชัยสัมฤทธิ์ ชาวบ้านจึงได้เรียกว่า “วัดนาคปรก” ตามลักษณะพระพุทธรูปที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้
การพระราชทานวิสุงคามสีมา เข้าใจว่าได้รับพระราชทานมาแต่เดิมประมาณ พ.ศ. ๒๒๙๑ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๘.๖๐เมตร ยาว ๕๐.๗๐ เมตร นี้ก็เป็นประวัติของวัดนาคปรก.
ประวัติพระปางนาคปรก
ประวัติความเป็นมา
ตามพุทธประวัติ ในคืนวันเพ็ญวิสาขมาส (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) นับย้อนหลังไปก่อนปีพุทธศักราชประมาณ 125 ปีองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงละการทรมานกาย หันมาบำเพ็ญเพียรทางจิต ในปฐมยามทรงทำลายกิเลสอย่างหยาบลงได้ ในมัชฌิมยามทรงทำลายกิเลสอย่างกลาง และในปัจฉิมยามทรงได้ทรงทำลายความมืดคือ อวิชชา อันเป็นกิเลสอย่างละเอียดลงได้ ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพร้อมทั้งอรุณขึ้นในเวลาเช้า ต่อแต่นั้นพระองค์ทรงประทับเสวยวิมุตติสุข ณ สถานที่ 7 แห่ง สถานที่ละ 1 สัปดาห์ รวมเป็นเวลา 7 สัปดาห์ โดยเริ่มจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ก่อน ครั้นพระองค์เสด็จประทับเสวยวิมุติสุข ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น 7 วันแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุติสุขยังร่มไม้จิก อันมีชื่อว่า “มุจลินท์” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ แต่บังเอิญได้เกิดมีฝนตกพรำๆอยู่ไม่ขาดสายตลอด 7 วัน พญานาคมุจลินท์ผู้เป็นราชาแห่งนาคได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย 7 ชั้น แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบนเหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวล
ครั้นฝนหายขาดแล้ว พญามุจลินท์นาคราชจึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกายพระพุทธเจ้า จำแลงภาพเป็นมาณพน้อยยื่นทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์ในที่เฉพาะพระพักตร์ ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า:-
สุโข วิเวโก ตุฏฺฐสฺสสุตธมฺมสส ปสฺสโต อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเกปาณภูเตสุ สญฺญโมสุขา วิราคตา โลเกกามานํ สมติกฺกโมอสฺมิมานสฺส วินโยเอตํ เว ปรมํ สุขํ.
ความว่า “ความสงัดเป็นสุขของบุคคลที่มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และเป็นคนปราศจากความกำหนัด คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้เป็นสุขในโลก ความนำออกเสียงซี่งอัสมินามะ คือความถือตัวตนให้หมดได้นี่เป็นสุขอย่างยิ่ง”
จากพระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุติสุข ภายในวงขนดของพญามุจลินท์นาคราชนี้เอง จึงเป็นที่มาแห่งการสร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้นมาเรียกว่า พระปางนาคปรก ให้เราได้เคารพกราบไหว้มาจนทุกวันนี้ พระพุทธรูปประจำเกิด ของคนเกิดวันเสาร์
อนึ่งพระปางนาคปรกนี้เป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิด ของคนที่เกิด วันเสาร์ คนที่เกิดวันนี้จึงนิยมหามากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคลในชีวิตแก่ตนเองและครับครัว
ดังนั้นเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตขอเชิญสาธุชนมากราบไหว้ขอพร “หลวงพ่อนาคปรก” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหาร ข้างพระอุโบสถของวัดนาคปรกโดยทั่วกัน.

น้ำตก7สาวน้อย

วนอุทยานน้ำตกเจ็ดสาวน้อยอยู่ในท้องที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีและอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าทับกวาง-มวกเหล็ก แปลง 1 และป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพญาเย็น มีเนื้อที่ประมาณ 540 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2523
ลักษณะภูมิประเทศ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อยมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับที่ราบ ลักษณะพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งมีหน้าดินตื้น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ในช่วง 180-402 เมตร จุดสูงสุดของพื้นที่อยู่บริเวณโชคชัยพัฒนา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 402 เมตร รองลงมาคือเทือกเขาที่อยู่ตอนกลางของพื้นที่ และเทือกเขาบริเวณบ้านดงน้ำฉ่า มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 386 และ 359 เมตร ตามลำดับ บริเวณเชิงเขาด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือของพื้นที่ติดคลองมวกเหล็กซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอดปี และไหลลงสู่แม่น้ำป่าสักที่อำเภอวังม่วง ส่วนบริเวณตอนกลางของพื้นที่มีลำห้วยเล็กๆ ไหลผ่าน ได้แก่ ห้วยแล้ง ซึ่งเป็นลำห้วยที่มีน้ำไหลเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติได้รวบรวมข้อมูลจากการเก็บข้อมูลปริมาณน้ำฝนของสถานีตรวจวัดอากาศมวกเหล็ก ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ประมาณ 10 กิโลเมตร และจากสถานีตรวจอากาศเกษตรปากช่อง ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ประมาณ 26 กิโลเมตร ปรากฏว่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศไทย อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม ซึ่งมีระบบการพัดเวียนประจำเป็นฤดูกาล ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดพาเอาความชื้นจากทะเลและมหาสมุทรเข้ามา ทำให้เกิดฤดูฝน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดพาเอาความหนาวเย็นมาจากตอนเหนือของทวีปเอเชีย ทำให้เกิดฤดูหนาว ส่วนฤดูร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีได้ 1,191 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีเท่ากับ 26 oC
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าปลูก เนื่องจากแต่เดิมเป็นพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทำลายมาก่อนและได้รับการปลูกป่าฟื้นฟู พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตสวนป่าหลังเขา-ท่าระหัด จังหวัดสระบุรี และพื้นที่แปลงปลูกป่าตามโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 บางพื้นที่เป็นป่าที่ฟื้นตัวตามธรรมชาติ พื้นที่โดยรอบทั้งหมดเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย มีถนนล้อมรอบ จึงถูกตัดออกจากป่าอนุรักษ์แห่งอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ไม่มีผืนป่าธรรมชาติแห่งอื่นต่อเนื่องหรือใกล้เคียง ดังนั้นจึงไม่มีการแลกเปลี่ยนสายพันธุ์พืช และสัตว์ป่ากับป่าธรรมชาติความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าจึงมีค่อนข้างน้อย สังคมพืชในอุทยานแห่งชาติสามารถแบ่งออกได้เป็น
ป่าดงดิบ จากการศึกษาพบว่า บริเวณที่เป็นป่าดงดิบธรรมชาติจะพบได้เฉพาะบริเวณที่อยู่ติดลำห้วยมวกเหล็ก และขึ้นกระจายเป็นหย่อมๆ ตามแนวลำน้ำ พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ โสกน้ำ ไคร้ย้อย มะแฟน ยางนา ตะเคียนทอง ยมหอม กระทิง สัตตบรรณ อบเชย มะเดื่อ สาธร เฉียงพร้านางแอ มะหาด ฯลฯ พันธุ์พืชที่ขึ้นในน้ำและที่ชื้นได้แก่ ไคร้น้ำ สันตะวา ดีปลีน้ำ บัวสาย เฟินก้านดำ กูดเขากวาง กกรังกา ตีนตุ๊กแก ไม้เถาได้แก่ นมตำเลีย สะบ้า กระเช้าผีมด แสลงพัน เครือออน บันไดลิง หวายชนิดต่างๆ พืชอิงอาศัย เช่น ข้าหลวงหลังลาย กระแตไต่ไม้ เอื้องกระเรกระร่อน เป็นต้น
ป่าเบญจพรรณ พบอยู่ในบริเวณตอนกลางของพื้นที่ สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าที่ฟื้นตัวเองตามธรรมชาติ มีไม้ชั้นบนที่สำคัญ คือ ประดู่ป่า สำโรง กะพี้ งิ้วป่า ตะคร้ำ หว้า แสมสาร มะเดื่อ ไม้ชั้นรองได้แก่ โมกหลวง ตีนนก แคหางค่าง ปีบ หนามคนทา หนามมะเค็ด ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบไผ่ป่า ไผ่คาย ขึ้นทั่วพื้นที่ ส่วนพืชพื้นล่างและพืชคลุมดินประกอบด้วยกล้าไม้ของไม้ชั้นรองและไม้พุ่มเป็นส่วนใหญ่ และยังพบหญ้าคาขึ้นเป็นกลุ่มในบางพื้นที่ สัตว์ป่าที่สำรวจพบในอุทยานแห่งชาติประกอบด้วย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พบจำนวน 19 ชนิด ได้แก่ เลียงผา หมาจิ้งจอก หมาไม้ ชะมดเช็ด พังพอนธรรมดา ลิ่นพันธุ์มลายู อีเห็นข้างลาย อ้น เม่นใหญ่แผงคอสั้น กระต่ายป่า กระจ้อน กระเล็นขนปลายหูสั้น พญากระรอกบินหูแดง กระรอกหลากสี หนูพุกใหญ่ และหนูท้องขาว เป็นต้น มีนกชนิดต่างๆ ทั้งหมด 78 ชนิด แยกเป็นนกประจำถิ่น 54 ชนิด นกอพยพย้ายถิ่นตามฤดูกาล 23 ชนิด และนกอพยพผ่าน 1 ชนิด ได้แก่ เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ นกแอ่นตาล นกเด้าดินทุ่ง นกปรอดหัวสีเขม่า นกแซงแซวหงอนขน นกกระเต้นน้อยธรรมดา นกกระปูด นกจับแมลงสีฟ้า นกกางเขนดง นกแอ่นพง นกกระแตแต้แว้ด นกตะขาบทุ่ง นกสีชมพูสวน นกอีเสือสีน้ำตาล นกจาบคาหัวสีส้ม นกกินปลีอกเหลือง ไก่บ้าน นกหกเล็กปากแดง นกกวัก นกกะรางหัวขวาน ฯลฯ สัตว์เลื้อยคลาน สำรวจพบ 17 ชนิด ได้แก่ เต่านา กิ่งก่าเขาเล็ก กิ้งก่าบิน ตะกอง ตุ๊กแกบ้าน จิ้งจกหางหนาม จิ้งจกบ้าน จิ้งเหลนบ้าน ตะกวด เหี้ย งูเหลือม และงูเขียวพระอินทร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสำรวจพบ ผีเสื้อ จำนวน 48 ชนิด ได้แก่ ผีเสื้อถุงทองธรรมดา ผีเสื้อหนอนใบรักฟ้าใหญ่ ผีเสื้อปลายปีกส้มใหญ่ ผีเสื้อจิ๋วหนอนมะพร้าวธรรมดา และผีเสื้อหนอนพุทราธรรมดา ฯลฯ

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่ง ท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในภาพของตลาดลอยน้ำที่คราคร่ำไปด้วยเรือพายลำย่อมบรรทุกสินค้าที่ี จำเป็น ต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลก เปลี่ยนสินค้า ในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ปัจจุบันได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่าง ประเทศเข้ามา เที่ยวชมวิถีชีวิต และการค้าขายในตลาดน้ำแห่งแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นตลาด เก่าแก่นับร้อยปี ซึ่งได้ขุดคลองดำเนินสะดวกขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงเห็นว่าการคมนาคม ในท้องถิ่นนี้ไม่มีถนนที่เชื่อมกับอำเภออื่นๆ ส่วนมากใช้เรือเป็นพาหนะ โดยคลองนี้จะ เชื่อมแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง เข้าไว้ด้วยกัน ใช้เวลาขุดประมาณ 2 ปี ที่มาของชื่อคลองได้รับพระราชทาน จากรัชกาลที่ 5
ในอดีตตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นศูนย์รวมในการค้าขาย พืชผักและผลไม้ตามฤดูกาลจากเรือกสวนไร่นาของ เกษตรกรในย่านนั้น แต่ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นกึ่งตลาดบกตลาดน้ำ คือ มีของขายทั้งบนบกและในเรือ มา เที่ยวที่ตลาดนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน เพราะมีทางเดินที่มีหลังคาตลอดสองฝั่งของตลาด จึงทำให้เดินเที่ยวชม ตลาดได้ อย่างสบาย ๆ คลองนี้เป็นคลองที่คนใน จ. ราชบุรี จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม ไปมาหาสู่กัน มีความหมาย ตรงกับชื่อ “ดำเนินสะดวก” คือ การเดินทางสะดวก แม้ทุกวันนี้ จุดประสงค์เริ่มแรกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังมี พ่อค้าแม่ค้า และนักท่องเที่ยว เดินทางไปอย่างล้นหลาม ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวก จึงเปรียบเสมือน เป็นที่นัดของเรือร้อยๆลำเพื่อชุมนุมขายสินค้าการเกษตร และสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองตลอดจนร้านขายของ ที่รับจากโรงงานในกรุงเทพหรือจากต่างจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศแล้วคลองที่เต็มไป ด้วยสินค้าทุกชนิดที่เขาตื่นตาตื่นราคาเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ ี่ีเดียวตลาดน้ำจะเริ่มคึกคัก ตั้งแต่ 6.00 น.ไป จน ถึงประมาณ 11.00 น. นอกจากเขาจะได้ชมตลาดน้ำแล้วชีวิตสองฝั่ง คลองของชาวไทยชนบทยังเป็นภาพที่ น่ามองอย่างมากสลับกับเรือกสวนและไร่นาของชาวบ้านส่วนใหญ่ของพื้นที่ ี่แถบนี้ต่างจากภาพที่เขาคุ้นตาตาม เมืองใหญ่ๆ ไปลิบลับ
กิจกรรมเมื่อมาเที่ยวตลาดน้ำดำเนิน
1. เดินชมตลาดน้ำ เลือกซื้อ เลือกชิม อาหารและสิ้นค้าต่างที่พ่อค้าแม่ค้า พายเรือมาขายหากเดินบนบกก็จะได้ชมสินค้าอย่างหนึ่ง จะได้เลือกซื้อสินค้าในคลองได้ง่ายขึ้น สินค้าที่นำมาขายส่วนมากจะ เป็นผลไม้ เช่น กล้วย ส้มโอ ชมพู่ ลำไย มะม่วง ฯลฯ สนนราคาก็ไม่แพง เพราะมาจากชาวสวนโดยตรง ของกินมี ก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งมีให้เลือกหลายเจ้า นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองจำหน่ายด้วย เช่น ผ้าพันคอ เสื้อผ้าสำเร็จรูปผ้าไหม หมวกงอบใบลาน เป็นต้น และยังจะได้ชมเรือกนาไร่สวนของชาวบ้านแถบนี้อีกด้วย
2.นั่งเรือชมบรรยากาศ หรือจะเลือกชิมอาหารกันบนเรือนอกจากเดินเที่ยวชมกันบนบกแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งเรือชมตลาดน้ำได้ สามารถติดต่อเรือได้ตลอด สองฝั่งทางเข้าตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งที่ท่าเรือจะมีบริการที่จอดรถให้พร้อม ราคาเรือเหมาลำละ 600 บาท นั่งได้ 6-8 คน ใช้เวลา ประมาณ 45 นาที
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก- เปิดทุกวัน เวลา 07.00-12.00 น.- เรือพาย 400 บาท/8 คน- เรือหางยาว 600บาท/8 คน- ค่าจอดรถ 20 บาท/คัน (ที่เอกชน)
เรื่องราวและบทความที่เกี่ยวข้อง
-
การเิดินทางไปตลาดน้ำดำเนิน
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว- เดินทางไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลย กิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อย จะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายมือไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์เลยไป 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร - เดินทางไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ระยะทาง 63 กิโลเมตรเลี้ยวขวาเข้าทางหลวง หมายเลข 325 ผ่านตัวเมือง สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ทางเข้า ตลาดน้ำอยู่ก่อนถึง สะพานธนะรัชต์ 200 เมตร และแยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร2. โดยรถสาธารณะ มีรถโดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี เที่ยวแรก ออกตั้งแต่เวลา 05.00 นาฬิกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ลงรถบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ จากนั้น สามารถ โดยสารรถสองแถวบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ เข้าไปถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นระยะทางอีก1 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ (ห้องจำหน่ายตั๋วดำเนินสะดวก) โทร. 0-2435-5031 (ห้องจำหน่ายตั๋วราชบุรี) โทร. 0-2435-5036 นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกับรถโดยสารสายอื่น ได้ เช่น สายกรุงเทพฯ-ราชบุรี, กรุงเทพฯ-เพชรบุรี ี(สายเก่า) แล้วลงตรงสี่แยกบางแพ ต่อจากนั้นต่อรถสองแถว ซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีรถออก ทุก 10 นาที
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดราชบุรี
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน
อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ราชบุรี
ถ้ำค้างคาว เขาช่องพราน
สวนผึ้ง
โป่งยุบ
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
บ้านหอมเทียน
กิจกรรมชมแกะเดอะซีนเนอรี่
เขากระโจม
น้ำตกเก้าโจน (น้ำตกเก้าชั้น)
ไร่กุหลาบอุษาวดี
ฟาร์มกล้วยไม้ลันดาออร์คิต
พิพิธภัณฑ์ภโวทัย
น้ำพุร้อนโป่งกระทิง
สวนป่าสิริกิตต์ (แก่งส้มแมว)
ตลาดเจ็ดเสมียน
พระพุทธฉายถ้ำฤาษีเขางู
ถ้ำเขาบิน
ถ้ำจอมพล

เที่ยวบางแสน

บางแสน
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว บางแสน หาดบางแสน
หาดบางแสน ชายทะเลใกล้ๆกรุงเทพฯ เป็นที่พักผ่อนตากอากาศที่ชาวไทยรู้จักกันดีมากว่า 50 ปี เคยมีชื่อเรียกว่าหาดแสนสุขมาระยะหนึ่ง แต่ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกตามชื่อสถานที่คือบางแสน ชายหาดบางแสนยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร มีถนนเลียบชายหาดตลอดแนว ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว มีกิจกรรมทางน้ำให้บริการ ทั้งสกู้ตเตอร์ จักรยานน้ำ บานาน่าโบท ห่วงยาง เป็นต้น

สิ่งที่เห็นกันคุ้นเคยที่หาดบางแสนคือเก้าอี้กับร่มชายหาดหลากสีสันที่ตั้งเรียงรายรอนักท่องเที่ยวมานั่งรับลมทะเล มีร้านอาหาร จำหน่ายอาหารทะเล อาหารว่าง ขนมขบเคี้ยว มาเสริฟให้ถึงที่เลย ทานไป เล่นน้ำไป สนุกได้บรรยากาศแบบสบายๆ

ปัจจุบันหาดบางแสนได้รับการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมทั้งด้านทัศนียภาพริมหาด, การจัดระเบียบหาด, การรักษาความสะอาด และการควบคุมราคาสินค้าให้ได้มาตราฐาน เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ให้เป็นที่นิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ในบริเวณหาดบางแสนมีที่เที่ยว เช่น แหลมแท่น วังแสนสุข โดยเฉพาะสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ตลาดหนองมน อ่างศิลา และเขาสามมุข ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนไปเที่ยวชม ชายหาดบางแสนจึงเป็นอีกสถานที่ ที่น่าสนใจในวันหยุด ห่างจากกรุงเทพไม่มาก ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง


วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ทำบุญ

skip to main | skip to sidebar หน้าแรก
สารบัญเรื่องทำบุญวันเกิด
เกมแต่งตัว
Rss Feed

ทำบุญวันเกิด : (Merits birthday) ทําบุญ ทำบุญ วันเกิด ศิริมงคล
ข้อมูลการทำบุญวันเกิด : ทําบุญ วันเกิด วิธีการทำบุญวันเกิด วิถีไทย ได้บุญ เสริมบารมี ศิริมงคล (ทำบุญวันเกิด ตักบาตร ถวายเพล ถวายสังฆทาน)
ทำบุญวันเกิด
ถวายสังฆทาน
ไอเดียวันเกิด
เรื่องน่ารู้
Subscribe
ทำบุญวันเกิด นำเสนอ ประวัติวันตรุษจีนจ้า!!!
0 Comments - 17 Feb 2010
สวัสดีหลังตรุษจีน หายไปซะเนินน่านเลยครับกับการอับเดต บล๊อคทำบุญวันเกิด วันนี้เลยขอมาเพิ่มเติมพูดคุยกันซะหน่อย หลายๆ คนเริ่มต้นปีใหม่ ใครผ่านวันเกิดไปแล้ว ไปทำบุญวันเกิดกันมาบ้างรึเปล่า ยังไงก็อย่าลืมนำเนื้อหาสาระดีๆ ที่บล๊อคทำบุญวันเกิด นำเสนอไปประยุกต์ใช้ในการทำบุญวันเกิดกันนะครับวันนี้มานำเสนอนอกเรื่องทำบุญวันเกิด กันนิด เกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนที...

More Link
Happy Birthday ครบรอบ 30 วันบล๊อคทำบุญวันเกิด
1 Comments - 13 Oct 2009
คงต้องบอกว่า สุขสันต์วันครบรอบ 30 วันนะจ๊ะ Happy Happy Birthday ของการกำเนิดบล๊อคเล็กๆ ในการนำเสนอเรื่องราวของการทำบุญวันเกิด มีสาระบ้าง ... ไร้สาระบ้าง แต่ก็สุขใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกอินเตอเน็ตแห่งนี้จากตอนเย็นๆ ของวันที่ 13 กันยายน จนถึงวันนี้ 13 ตุลาคม สามสิบวันพอดี นี่ถ้าเป็นฝรั่งคงต้องบอกเลขไม่ดีเลย 55 แต่บล๊อคทำบุญวันเกิดเป็นไทยผสมเชื้อ...

More Link
Previous Pause Next
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ทำบุญวันเกิด นำเสนอ ประวัติวันตรุษจีนจ้า!!!

เขียนโดย Jittree ที่ 23:28
สวัสดีหลังตรุษจีน หายไปซะเนินน่านเลยครับกับการอับเดต บล๊อคทำบุญวันเกิด วันนี้เลยขอมาเพิ่มเติมพูดคุยกันซะหน่อย หลายๆ คนเริ่มต้นปีใหม่ ใครผ่า
0 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: ตรุษจีน, เรื่องน่ารู้
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Happy Birthday ครบรอบ 30 วันบล๊อคทำบุญวันเกิด

เขียนโดย Jittree ที่ 21:33
คงต้องบอกว่า สุขสันต์วันครบรอบ 30 วันนะจ๊ะ Happy Happy Birthday ของการกำเนิดบล๊อคเล็กๆ ในการนำเสนอเรื่องราวของการทำบุญวันเกิด มีสาระบ้าง ..
1 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: webmaster talk, ทำบุญวันเกิด
วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เกมส์แต่งตัว เกมแต่งตัว พาสาวน้อยไป ทำบุญวันเกิด

เขียนโดย Jittree ที่ 20:04
วันนี้บล๊อคทำบุญวันเกิด มีอะไรสนุกๆ มาฝากเพื่อนๆ หลังจากที่นำเสนอเรื่องของการทำบุญ ทำทาน ไปหลายบทความ แหมดูออกจะใกล้ๆ ไปทางธรรมะไปสักหน่อ
11 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: ทำบุญวันเกิด, เกมส์แต่งตัว, เกมแต่งตัว, ไอเดียวันเกิด
วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ทำบุญวันเกิด ช่วยน้องหมา - น้องแมว ณ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ

เขียนโดย Jittree ที่ 12:31
บล๊อคทำบุญวันเกิด วันนี้นำเสนอการทำบุญอีกรูปแบบ คือการสงเคราะห์ ช่วยเหลือ น้องหมา น้องแมว ณ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ (ในความอุปถัมภ์ข
2 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: ทำบุญวันเกิด, มูลนิธิ, วันเกิด, เรื่องน่ารู้
วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ทำบุญวันเกิด เรื่องของการทำบุญสิบวิธี

เขียนโดย Jittree ที่ 11:48
ขณะที่เขียนเรื่องราวที่บล๊อคทำบุญวันเกิดจะนำเสนอเพื่อนๆ วันนี้ บล๊อคทำบุญวันเกิดออนทัวร์เดินสายอยู่ต่างจังหวัด ครับ พาน้องๆ เยาวชนมาเข้าค่า
4 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: ทำบุญ, ทำบุญวันเกิด, เรื่องน่ารู้
วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552
MISTINE Beauty Mind : เพชรา เชาวราษฎร์

เขียนโดย Jittree ที่ 10:59
อรุณสวัสดิ์ในวันอากาศสดใส วันนี้บล๊อคทำบุญวันเกิด ขอนำเสนอกระแสฮอตฮิตในช่วงเวลานี้ หลังจากบล๊อคทำบุญวันเกิดได้รับเมล์จากเพื่อนสนิทท่านหนึ่ง
1 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: เรื่องน่ารู้
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552
การถวายสังฆทาน การทำบุญที่ได้บุญมาก

เขียนโดย Jittree ที่ 14:32
สวัสดีครับ สำหรับแฟนๆ ที่ติดตามบล๊อคทำบุญวันเกิด วันนี้มาอับเดตเกร็ดความรู้เพิ่มเติมกันดีกว่า เกร็ดที่ว่านี้ก็คือการถวายสังฆทาน เพื่อนๆ ที่
4 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: ของถวายพระ, ถวายสังฆทาน, ทำบุญ, ทำบุญวันเกิด
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552
ทำบุญวันเกิด วัดเก่าแก่ ยากจน น้ำท่วมวัด "วัดปากคลองพระอุดม" ปากเกร็ด

เขียนโดย Jittree ที่ 12:02
ขอประชาสัมพันธ์สถานที่สำหรับท่านที่มองหาวัดที่จะไปทำบุญวันเกิด วันนี้ผมมีวัดแห่งหนึ่งมาแนะนำเพื่อนๆครับ วัดปากคลองพระอุดม ผมอ่านข้อมูลนี้จา
0 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: ทำบุญ, ทำบุญวันเกิด, วัดเก่าแก่, วันเกิด
วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552
นอกเรื่องทำบุญวันเกิด ตำนานเค้กวันเกิด

เขียนโดย Jittree ที่ 14:01
หลังจากบล๊อคทำบุญวันเกิด ได้นำเสนอเรื่องราว ไอเดียการทำบุญวันเกิด ไปได้หลายเรื่อง หลายตอน บังเอิญวันนี้ได้อ่านอีกเรื่องราว ที่อาจจะมองว่าสั
1 ความคิดเห็น ลิงก์ไปยังบทความนี้
ป้ายกำกับ: ทำบุญวันเกิด, วันเกิด, เกิดกันให้ดี, เค้กวันเกิด, ไอเดียวันเกิด
บทความที่เก่ากว่า สมัครสมาชิก: บทความ (Atom) ทำบุญวันเกิด
บล๊อคทำบุญวันเกิด ทำบุญวันเกิด : (MERITS BIRTHDAY) กำเนิดขึ้นในตอนเย็นๆ ของวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2552 ตามหัวข้ออันแสนร้อนแรงของช่วงเวลานี้ พยายามหารวบรวมข้อมูล เกี่ยวข้องกับการทำบุญวันเกิด เพื่อนำเสนอกับทุกๆๆ ท่าน ซึ่งผลที่ตามมา คือ ทำได้รับรู้เรื่องราวมากมาย ที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญวันเกิด ทั้งเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย อืมมม มันมีอย่างนี้ด้วยหรือ มีอะไรบ้าง เพื่อนๆ คอยติดตามกันนะครับ

แต่ว่าตอนนี้ เรามาหยุดทำบุญวันเกิด ด้วย MV อันแสนไพเราะนี้กันดีกว่าครับ HAPPY BIRTHDAY มันก็พอเกี่ยวกะทำบุญวันเกิดนะจ๊ะ อิอิ (เนียน) >.<







บล๊อคทำบุญวันเกิด ร่วมส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ทำความดี เข้าวัดทำบุญ ด้วยการใส่บาตร ถวายสังฆทาน สะเดาะเคราะห์ ด้วยการสวดมนต์ รวมถึงช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส


โปรโมทสินค้า ให้แรงต้อง
Free Online Advertising
Home Shopping Catalogs
Free Classified Ads
-----------------------------
รับทำ seo
รับรองไม่ผิดหวัง
แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว
เที่ยวทุ่งบัวตองดอยหัวแม่คำ จ.เชียงราย
เที่ยวเมืองไตรตรึงส์ จ.กำแพงเพชร
เที่ยวน้ำตกวังเต่า จ.นครราชสีมา
เที่ยวน้ำตกท่าแพ จ.นครศรีธรรมราช
เที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา
ลิ้งดีๆ ทำบุญวันเกิด
การทำบุญ (พุทธศาสนา) - วิกิพีเดีย
ทำบุญวันเกิดเรื่องล่าสุด
ทำบุญวันเกิด นำเสนอ ประวัติวันตรุษจีนจ้า!!!
Happy Birthday ครบรอบ 30 วันบล๊อคทำบุญวันเกิด
เกมส์แต่งตัว เกมแต่งตัว พาสาวน้อยไป ทำบุญวันเกิด
ทำบุญวันเกิด ช่วยน้องหมา - น้องแมว ณ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ
ทำบุญวันเกิด เรื่องของการทำบุญสิบวิธี
Labels
ทำบุญวันเกิด (15) วันเกิด (8) ไอเดียวันเกิด (6) เรื่องน่ารู้ (4) ทำบุญ (3) ทําบุญวันเกิด (3) พิธีทำบุญวันเกิด (3) ของถวายพระ (2) ถวายสังฆทาน (2) พิธี ทำบุญ (2) เกิดกันให้ดี (2) sitemap (1) webmaster talk (1) ช้างป่าไทย (1) ตรุษจีน (1) ทำบุญอายุ (1) นมัสการพระ 9 วัด (1) มูลนิธิ (1) วัดเก่าแก่ (1) เกมส์แต่งตัว (1) เกมแต่งตัว (1) เค้กวันเกิด (1) โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก (1)
Blog Archive
02/14 - 02/21 (1)
10/11 - 10/18 (1)
10/04 - 10/11 (2)
09/27 - 10/04 (4)
09/20 - 09/27 (2)
09/13 - 09/20 (8)
My Twitter


Stats




You!

Join My Community





ความเห็นล่าสุดทำบุญวันเกิด
ดีค่ะ
ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจ ขอให้มีความคิดที่ไม่เป็นอกุศ...
ขอบคุณทุกๆคนที่ร่วมกันทำดีค่ะ
หวังว่าจะได้อ่านบทความที่ดี มีประโยชน์อีกนะคะ
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาที่มีความรู้
Copyright © 2009 ทำบุญวันเกิด เสนอเรื่องราวดีๆ ในวันเกิด | เสื้อยืด | รื้อถอน | รถมือสอง | เกมส์ | สถานที่ท่องเที่ยว

ตลาด

ข้าวหน้าเนื้อใจเสือ




แกงเลียงผักรวม



ปูจ๋า




สุกี้ไก่เส้นบุก



กุ้งผัดพริกเกลือ



ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ




ไข่ตุ๋นฟักทอง



ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ



ไข่สะใภ้ทรงเครื่อง




เมี่ยงปลาทูน่า



ข้าวผัดผงกะหรี่



ยำไข่ดาว




ต้มกะทิสายบัวกับปลาทู



เมี่ยงแซลมอนถ้วยขนมปัง



น้ำพริกเผากากหมู




ลาบปลาดุก



ไส้ย่าง



ยำปลาดุกฟู




ปลากระพงขาวนึ่งพริกมะนาว



ผัดผักรวมมิตร



น้ำพริกมะม่วงเปรี้ยว




แกงส้มผักรวม



แกงเลียง



หมูปิ้ง - น้ำจิ้มงา




ลาบเป็ดทอด



หลนปูเค็ม



ซุปตำลึง ทำง่ายๆได้สุขภาพ




ยำผลไม้



ห่อหมกปลาแมคเคอเรล



ข้าวหมกสมุนไพร



Page : 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10 /





ขอเชิญผู้ที่รักการทำอาหารร่วมงาน Health&Cuisine International Road Show
งานเดียว ที่รวบรวมอาหารสุขภาพชั้นนำจากนานาชาติมาเสิร์ฟในบรรยากาศแบบ “World Food Village” ชิม เมนูอาหารนานาชาติแสนอร่อยที่คัดสรรโดยครัว Health&Cuisine ชม Cooking Show เมนูสุดพิเศษ อร่อยลิ้นอินเทรนด์แบบอาหารญี่ปุ่น, อาหารไทยรสถึงใจสไตล์โมเดิร์นและอาหารอิตาเลียนสุดหรู โดยเชฟฝีมือระดับ 5 ดาว ช้อปปิ้ง จุใจกับสินค้าเพื่อสุขภาพนานาชาติราคาสุดพิเศษ! เลือก DIY ของใช้ของแต่งบ้านสุดเก๋สไตล์

ตลาด

หน้าบ้าน กรีนเวย์ พร็อพเพอร์ตี้ การซื้อบ้าน รับฝากขายบ้านมือสอง ติดต่อบริษัท สมัครงาน ผังเว็บไซต์ ประกาศขายบ้านฟรี SOLD/ทรัพย์ขายแล้ว






ล่องเรือชมเกาะ ดูลิงแสม ตลาดน้ำวัดหัวกระบือ
เที่ยวตลาดริมน้ำวัดหัวกระบือ ล่องเรือชมเกาะ 9 เกาะ ให้อาหารลิงแสมฝูงสุดท้าย ถิ่นเดิมคุณกะลา เขตบางขุนเทียน ตลาดน้ำ เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าของชาวบ้านที่อยู่อาศัยในท้องถิ่น ย่านรอบๆ บริเวณตลาดน้ำและในคูคลองตามลำน้ำสายนั้นๆ และบริเวณใกล้เคียง โดยการจำหน่ายอาหารต่างๆ ต้องจำหน่ายในเรือพาย เรืออีแปะ เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ที่นอกจากจะใช้ลำน้ำเป็นที่สัญจร ยังใช้เป็นแหล่งที่รวมสินค้า อาหารหลากหลายชนิดทั้งอาหารคาว หวาน พืช ผัก ผลไม้ อาหารทะเล เป็นต้น ที่ประชาชนสามารถซื้อหา จับจ่ายใช้สอยได้ตามอัธยาศัย ที่มีชื่อเสียงในต่างจังหวัด ได้แก่ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี



ตลาดริมน้ำวัดหัวกระบือ เป็นตลาดริมน้ำที่เกิดจากแนวคิดของเจ้าอาวาสวัดหัวกระบือ พระครูวิบูลย์พัฒนกิตต์ ซึ่งมีแนวคิดที่จะส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณคลองหัวกระบือ คลองเฉลิมชัยพัฒนา และบริเวณใกล้เคียง เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจครอบครัว เศรษฐกิจชุมชน ตามหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเป็นส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ซึ่งเดิมประชาชนในท้องที่ แถบนี้จะขายสินค้าในร้านค้าสองข้างทางของถนนที่ตรงไปยังท่าน้ำคลองหัวกระบือ มีบางส่วนที่ขายสินค้า ผัก ผลไม้ ไอศกรีม เป็นต้น โดยเรืออีแปะพายขายของอยู่ในคลองหัวกระบือ คลองเฉลิมชัยพัฒนา ซึ่งเป็นคลองที่ไปเชื่อมต่อกับคลองสนามชัย คลองบางมด เป็นต้น

แนวคิดโครงการตลาดน้ำวัดหัวกระบือได้รับการสนับสนุนจากประธานและคณะกรรมการชมรมบางขุนเทียน โดยการนำของนายนิรันดร์ เลขาจารกุล และคณะกรรมการ ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยวในพื้นที่ จึงได้จัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยว โครงการตลาดน้ำวัดหัวกระบือ โดยร่วมกันสนับสนุนเงินทุนในการจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดน้ำวัดหัวกระบือ คณะกรรมการมีการประชุมร่วมกันกับชาวบ้านที่ค้าขายบริเวณดังกล่าว เพื่อวางแผนการดำเนินงานร่วมกัน

โดยกำหนดเปิดตลาดน้ำวัดหัวกระบือแบบไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา ในระยะแรกจะเปิดตลาดเฉพาะในวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 16.00 น. สำหรับการท่องเที่ยวตลาดน้ำวัดหัวกระบือมีจุดเด่นตรงที่ผู้ที่มาท่องเที่ยวนอกจากจะได้กราบไหว้หลวงพ่อโต วัดหัวกระบือ พระประธานในอุโบสถที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ศิลปะแบบสุโขทัย พระพักตร์ยิ้มแย้มแจ่มใส


ความเป็นมาของวัดและหลักฐานที่สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีสมุดข่อยโบราณจารึกบอกศักราชว่าสร้าง พ.ศ. 2286 ก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 24 ปี มีเสมาหินทรายแดงตระกูลอัมพวา เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้สักการะเจ้าแม่กวนอิมที่เก๋งจีน ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ที่ทรงกอบกู้เอกราชแก่ชาติไทยของเรา

หลังจากกราบไหว้ ขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยังสามารถจับจ่าย ซื้อสินค้าอาหารคาว หวาน พืช ผัก ผลไม้ รวมทั้งอาหารทะเลสด จากบ่อกุ้ง วังปลา ซึ่งชาวบ้านเลี้ยงไว้ในบริเวณท่องที่แถบนี้ และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งมีอาหารหลากหลายชนิดดังนี้

อาหารคาว ส้มตำปูม้า หอยดอง ไก่ย่าง หอยทอด ผัดไทย หมูสะเต๊ะ ห่อหมกปลาหมอเทศ ข้าวมันไก่ ขาหมู ขนมจีนน้ำยา กุ้ง ปู ชุบแป้งทอด กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ปลาหมึกย่าง ปลาดุกย่าง ปลาหมึกสด ปลาช่อนแดดเดียว ปลานิล หอยแครง เป็นต้น
อาหารหวาน ข่าวเหนียวมะม่วง ขนมเม็ดขนุน ทองหยอด ขนมดอกลำดวน ขนมครก เป็นต้น
ผัก มะรุม มะนาว ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง แตงกวา ผักชี ขิง ข่า ตะไคร้ เป็นต้น ผลไม้ มะพร้าว กล้วยน้ำว้าสวน ส้ม มะขาม มะขามเทศ มะละกอ และผลไม้ตามฤดูกาล
เครื่องดื่ม ชาดำเย็น กาแฟร้อน-เย็น น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร น้ำอัดลม เป็นต้น



นอกจากนี้ในการท่องเที่ยวทางน้ำ โดยการนั่งเรืออีแปะ เที่ยวชมเกาะ 9 เกาะ ซึ่งเป็นเกาะกลางน้ำบริเวณคลองเฉลิมชัยพัฒนา เกิดจากการขุดคลองหัวกระบือเดิม ตามโครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เป็นที่รองรับน้ำ ป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่บริเวณรอบ ๆ สำหรับเกาะ 9 เกาะมีชื่อเรียกต่างกันไป ได้แก่ เกาะมะพร้าวเล็ก เกาะมะพร้าวใหญ่ เกาะพอเพียง เกาะไทรงาม เกาะเฝ้าทรัพย์ เกาะคุณกะลา เกาะวังมัจฉา เกาะประลองยุทธ เป็นต้น แต่ละเกาะมีความเป็นมาที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ



ที่สำคัญในการล่องเรือในคลองเฉลิมชัยพัฒนาจะพาท่านไป บริเวณ “บ้านลิงถิ่นเดิมคุณกะลา” และเกาะที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อให้อาหารลิงแสม ซึ่งเป็นลิงแสมฝูงสุดท้ายของเขตบางขุนเทียน บ้านลิงถิ่นเดิมคุณกะลา เป็นถิ่นของลิงแสมฝูงใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในที่ดินบริเวณคลองเฉลิมชัยพัฒนา และคลองหัวกระบือ ซึ่งสำนักงานเขตบางขุนเทียนได้จัดซื้อที่ดินจากเอกชน เพื่อให้ลิงใช้เป็นที่อาศัย ปัจจุบันเชื่อกันว่าลิงแสมฝูงดังกล่าวมีประมาณ 300 ตัว โดยมีลิงแสมเผือกที่ผู้คนมักพบเห็น จำนวน 1 คู่ ชื่อของ “ คุณกะลา ” มีที่มาจากลิงแสมบริเวณป่าชายเลนบริเวณคลองเฉลิมชัยพัฒนา ซึ่งมือได้รับบาดเจ็บเพราะเอามือล้วงเข้าไปในลูกมะพร้าวเพื่อจะเอาเนื้อออกไปกิน แต่ไม่สามารถสลัดให้มือหลุดออกมาได้ จนมือเกิดบาดแผลเน่า และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจาอยู่หัว ได้ทรงให้สัตวแพทย์หลวงรักษา และนำมาปล่อยไว้

และเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ลิงแสมฝูงสุดท้าย ของเขตบางขุนเทียน ภาคธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างศาลาริมน้ำไว้ 2 หลัง เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยของลิง ซึ่งได้ทำพิธีมอบให้เขตบางขุนเทียนดูแลเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2548


การเดินทางโดยรถยนต์

1.เส้นทางแรก มาจากถนนพระรามที่2 ขาออก เข้าในเส้นทางถนนคู่ขนานเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนท่าข้ามสุดถนน เลี้ยวซ้ายผ่านไปทาง สถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ไปถึงสามแยกตัดถนนอนามัยงามเจริญเลี้ยวซ้ายไปตามถนนอนามัยงามเจริญ ถึงสามแยกเลี้ยวขวาตามถนนอนามัยงามเจริญ ไปตัดถนนเลียบทางด่วนคู่ขนานถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ที่บริเวณสี่แยกคุณกะลา ตรงไปยังถนนที่ไปยังวัดจันทร์แก้วเพชร เลียบคลองเฉลิมชัยพัฒนา เลี้ยวขวาข้ามสะพานข้ามคลองเฉลิมชัยพัฒนาไปยังวัดหัวกระบือ
2.เส้นทางที่สอง จากถนนพระรามที่ 2 ขาออก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางขุนเทียน – ชายทะเล นั่งรถไปประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ จะถึงสะพานข้ามคลองสนามชัยเดินทางไปอีกประมาณ 700 เมตร ผ่านหน้าสำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 1 ถึงแยกซ้ายทางเข้าวัดหัวกระบือ เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงวัดหัวกระบือ ถ้านำรถยนต์ส่วนตัวไปสามารถจอดรถยนต์ได้ในวัด หรือนั่งรถสองแถวคันสีฟ้เโดยสารจากถนนเอกชัยบางบอนถึงวัดหัวกระบือ

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

อํา

อัมพวา ที่พักอัมพวา เที่ยวอัมพวา การเดินทางอัมพวา แผนที่อัมพวา เว็บบอร์ด อัมพวา ติดต่อเรา




อัมพวา

อัมพวา
ที่พักอัมพวา
สถานที่ท่องเที่ยวอัมพวา
การเดินทางอัมพวา
แผนที่อัมพวา
เว็บบอร์ด อัมพวา
ติดต่อเรา อัมพวา.net






เพิ่มเติม

ประวัติอัมพวา
รูปภาพอัมพวา














เว็บไซด์ที่น่าสนใจ

หัวหิน
ชะอำ
ปราณบุรี
ที่พักหัวหิน
Phi Phi Hotels
Bangkok Tour






อัมพวา, สมุทรสงคราม

อัมพวา



ตลาดน้ำอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ตลาดน้ำอัมพวา นับว่าเป็นจุดที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อีกแห่งหนึ่งในอำเภอ อัมพวา เป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจ การเที่ยวตลาดน้ำอัมพวานั้น สามารถทำได้ทั้งยามเช้าและยามเย็น ซึ่งจะให้บรรยาการที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศนิยมที่จะมาพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ แนะนำ บ้านอัมพวา รีสอร์ท

กิจกรรม ล่องเรือชมหิ่งห้อย ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงนี้

โปรโมชั่นที่พัก เกาะเสม็ด ราคาถูก สุดๆ ที่นี่เลย» เกาะเสม็ด


โปรโมชั่นทัวร์ต่างประเทศราคาพิเศษ ที่นี่เลย » ทัวร์ต่างประเทศ
โปรโมชั่นที่พักหัวหินราคาพิเศษ » รีสอร์ทหัวหิน
โปรโมชั่นเกาะเสม็ดที่พักราคาถูก ที่นี่เลย » เกาะเสม็ด





แนะนำ ที่พักอัมพวา
บ้านอัมพวา รีสอร์ท

สัมผัสกับเรือนไทยติดริมน้ำแม่กลอง และวิถีชีวิตไทย คุณจะไม่ลืมประสบการณ์นี้ในวันหยุดของคุณ.
เรือนพนาลี

ที่พักริมแม่น้ำแม่กลองล้อมรอบด้วยสวยลิ้นจี่ มีจักรยานและเรือให้เช่า เพื่อชมหิ่งห้อย

กนกรัตน์ รีสอร์ท

รีสอร์ทสไตล์บาหลีประยุกต์ที่ผสมผสานระหว่างที่พักกับธรรมชาติริมน้ำได้ อย่างลงตัวและสอดคล้องกับธรรมชาติ












เที่ยวอัมพวา

ตลาดน้ำอัมพวา
วัดจุฬามณี
วัดอัมพวันเจติยาราม
อุทยาน ร.2
อาสนวิหารแม่พระบังเกิด





แนะนำ ที่พักอัมพวา

บ้านอัมพวา รีสอร์ท
เรือนพนาลี
กนกรัตน์ รีสอร์ท







โปรแกรมท่องเที่ยว

เดินตามประวัติศาสตร์
เที่ยวตลาดน้ำยามเย็น
ลุยเลน...เล่นโคลน






ท่องเที่ยวต่างประเทศ

ทัวร์ต่างประเทศ
ทัวร์เกาหลี
ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์จีน












สิ่งที่น่าสนใจ

โปรโมชั่นที่พัก เกาะเสม็ด

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

100 สิ่งดีดี ที่ควรมีตลอดชีวิต

100 สิ่งดีดี ที่ควรมีตลอดชีวิต




( 1 ) เอาใจเขามาใส่ใจเรา

( 2 ) เชื่อมั่นตัวเอง

( 3 ) อย่ามองคนที่หน้าตา

( 4 ) กล้าคิด พูด และทำ

( 5 ) เมื่อมีเรื่องจงหมั่นปรึกษาผู้อื่น

( 6 ) และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย

( 7 ) อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด

( 8 ) ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ

( 9 ) เปิดใจให้กว้าง

( 10 ) มองการณ์ไกล

( 11 ) วางแผนอนาคต

( 12 ) อย่าโทษตัวเอง

( 13 ) มีความรับผิดชอบ

( 14 ) ตอบแทนเมื่อได้รับ

( 15 ) ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้หรือไม่มี

( 16 ) อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด

( 17 ) คิดถึงส่วนรวมให้มาก

( 18 ) ดูแลตัวเองให้เป็น

( 19 ) รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี

( 20 ) อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า

( 21 ) อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว

( 22 ) จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร

( 23 ) ที่ทำอยู่มีผลดี / เสีย มีประโยชน์ / ไร้ประโยชน์

( 24 ) อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก

( 25 ) ให้อภัยแก่ตนเอง และ ผู้อื่น

( 26 ) อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน

( 27 ) คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร

( 28 ) ได้หน้าอย่าลืมหลัง

( 29 ) คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึกที่เสียไปแล้ว
แต่จงวางแผนที่จะดูแลไม่ให้มันเสีย

( 30 ) อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ

( 31 ) อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง

( 32 ) รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่

( 33 ) ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง

( 34 ) อย่าเห็นแก่ตัว

( 35 ) อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

( 36 ) อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้ หรือ เปลี่ยนแปลงมันได้

( 37 ) กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น
แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง

( 38 ) เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้

( 39 ) อย่าคิดว่าเขาไม่โทรมา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทรหาเขาเช่นกัน

( 40 ) จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าฝ่ายรับ

( 41 ) ดูแลบิดา มารดาให้ดี คุณมีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มี

( 42 ) อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว
มันไม่กลับมาแต่คุณสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้

( 43 ) คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับได้

ดังนั้นคิดก่อนพูด

( 44 ) อย่าทุ่มเทกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์

( 45 ) คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้
ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด

( 46 ) ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้

( 47 ) หาจุดหมายให้กับชีวิต

( 48 ) เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น

( 49 ) ถ้างง เขียนหนังสือได้แต่เขียนให้เป็นภาษา

( 50 ) วันๆหนึ่งคุณทำอะไรไปบ้างที่ไม่ใช่กิน นอน เล่น

( 51 ) ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ

( 52 ) เพื่อนคุณก็เช่นกันอย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล

( 53 ) ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง

( 54 ) คุณซื้อนาฬิกาได้แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้

( 55 ) ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ? ถ้ามีกลับไปหาซะ

( 56 ) ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า ? จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ? ทำอะไรซะบ้าง

( 57 ) อย่ากล่าวคำว่าขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามขอโทษ

( 58 ) ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร ? คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ ?

( 59 ) ตอนนี้คุณสบายอยู่ ? แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ ? หมดประโยชน์ ?

( 60 ) ไม่ใช่ ? แล้วไง ?? ต้องให้บอกต่อมั้ย ???

( 61 ) ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของผู้อื่น

( 62 ) ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ จงรู้ไว้ซะว่าคุณเป็นมนุษย์และยังมีชีวิตอยู่

( 63 ) ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต ? ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง ?

( 64 ) ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกว่ารักเขาก็เพียงพอแล้ว

( 65 ) อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน

( 66 ) ไม่มีกฎหมายใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา

( 67 ) ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆมีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีไหม ? หรือว่าดูที่ราคาขนม ?

( 68 ) เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต

( 69 ) อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีผู้เขียนอีกคน

( 70 ) อย่าคิดว่าตนเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด

( 71 ) อย่าพูดคำว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน

( 72 ) เหนื่อยแล้วพักซะเถอะ อย่าฝืนอ่านต่อเลย คนเขียนดีใจมากแล้วที่คุณอ่านถึงตรงนี้

( 73 ) อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง

( 74 ) ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณ ?

( 75 ) คุณมองเพชรมองที่ความงามภายใน หรือป้ายราคาข้างนอก ?

( 76 ) ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน

( 77 ) มีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือลองค้นคว้าดูจะรู้

( 78 ) ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง

( 79 ) การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด

( 80 ) ทำยังไง ?? ต้องขโมยขึ้นบ้านก่อนถึงไปดูแลรั้วบ้านใช่มั้ย ??

( 81 ) ทำใจกับสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี

( 82 ) จะยกตัวอย่างให้ สมมุติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่าคุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง ??

( 83 ) อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำรึยัง ? ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?

( 84 ) คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น ? คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก็ไม่ฟื้นหรือได้ยินหรอกนะ ?

( 85 ) ตัวคุณมีคุณค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า ??

( 86 ) หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากที่คุณไม่รู้ ?

( 87 ) ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า ? หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิตย์

( 88 ) การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก

( 89 ) หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้

( 90 ) ลองทำอะไรบ้าๆดูบ้างก็ดี อย่ายึดติดกับอะไรนักเลย

( 91 ) ผู้เขียนไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี

( 92 ) สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆไปในชีวิต หรือ เรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี

( 93 ) อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี

( 94 ) อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว

( 95 ) ยาเสพย์ติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด

( 96 ) อย่าทำตามเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากะร่างกายเราคนละร่างกายกัน แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน

( 97 ) ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงก็คือผู้หญิง

( 98 ) บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

( 99 ) ไม่มีมิตรถาวร และ ศัตรูที่แท้จริง

( 100 ) จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ร้อยข้อคิดดีๆ

100 ข้อคิดดีๆ สั้นๆ เตือนใจคุณ
Tag:100 ข้อคิด,เตือนใจ,เชื่อมั่นในตัวเอง,เปิดใจให้กว้าง,วางแผนอนาคต,


100 ข้อคิดดีๆ สั้นๆ เตือนใจคุณ
บางครั้งการใช้ชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เราจำเป็นต้องมีหลักยึดเตือนใจ เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างสงบสุข และสง่างาม ไม่เว้นเเต่จะเป็นการปฏิบัติต่อคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เพื่อเป็นการรักษามิตรภาพให้ยืนยาว อีกทั้งยังเป็นการคบกันด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือกันในยามมีความทุกข์ ในยามสุขก็แบ่งปันให้กันด้วยความจริงใจ

หากใครบอกว่า โอ้โหตั้ง 100 ข้อเชียวหรอ แต่ขอบอกว่าลองศึกษาดูก่อน มันไม่มากไม่มายและยากเย็นเกินไปที่เราจะปฏิบัติเลยจริงๆ

1.เอาใจเขามาใส่ใจเรา
2.เชื่อมั่นตัวเอง
3.อย่ามองคนที่หน้าตา
4.กล้าคิด พูด และทำ
5.เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
6.และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
7.อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
8.ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
9.เปิดใจให้กว้าง
10.มองการณ์ไกล
11.วางแผนอนาคต
12.อย่าโทษตัวเอง
13.มีความรับผิดชอบ
14.ตอบแทนเมื่อได้รับ
15.ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี
16.อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
17.คิดถึงส่วนรวมให้มาก
18.ดูแลตัวเองให้เป็น
19.รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
20.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
21.อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว
22.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
23.ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์
24.อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
25.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น
26.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
27.คนไม่ผิดคือคนที่ใหม่เคยทำอะไร
28.ได้หน้าอย่าลืมหลัง
29.คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อนความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย
30.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
31.อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
32.รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่
33.ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
34.อย่าเห็นแก่ตัว
35.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
36.อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้
37.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
38.เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
39.อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป
40.จง เป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ
41.ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาศ รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี
42.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
43.คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด
44.อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์
45.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
46.ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
47.หาจุดหมายให้กับชีวิต
48.เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
49.ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา
50.วันๆหนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น
51.ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ
52.เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
53.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
54.คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้
55.ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ
56.ตอนนี้คุณถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง
57.อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ
58.ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ
59.ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ
60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย
61.ทำอะไรก้อได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น
62.ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุณเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่
63.ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง
64.ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว
65.อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
66.ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
67.ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม
68.เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
69.อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน
70.อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด
71.อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุณก้อไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
72.เหนื่อยนักก็หยุดพักซะบ้าง
73.อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
74.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ
75.คุณมองเพชรที่ความงามภายในหรือป้ายราคาภายนอก
76.ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
77.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้
78.ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง
79.การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
80.ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย
81.ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก้อดี
82.จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่า คุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง
83.อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
84.คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ
85.ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า
86.หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้
87.ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต
88.การใส่เสื้อสวยๆไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
89.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
90.ลองทำอะไรบ้าๆบ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย
91.ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รุ้อะไรไว้บ้างก็ดี
92.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องคุนเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก็ดี
93.อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
94.อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้า เล่นไพ่ เที่ยวหญิงเที่ยว
95.ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
96.อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
97.ผู้ชายยังไงก้อคือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก็คือผู้หญิง
98.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
99.ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง
100.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา