จำนวนผู้เข้าชม

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวเกาะสมุย

เที่ยวเกาะสมุย
วันแรก ของการท่องเที่ยวเริ่มออกเดินทางจาก กทม. แวะเข้าห้องน้ำตามปั้มรายทาง และเก็บภาพตลอดทาง ถึงสุราษฏร์ธานี ก็แวะล้างหน้าล้างตา แล้วก็ขึ้น เรือเฟอร์รี่ ข้ามเกาะ มุ่งหน้าสู้ เกาะสมุย กัน .......เย้! ถึงเกาะสมุย ก็เข้าสู่ที่พักกันต่อ ณ บ้านภูเล ( ว้าว !.......อลังการงานสร้าง ) จัดแจงที่พักแล้วก็แยกย้ายกันเอากระเป๋าและสัมภาระไปเก็บ แล้วก็ลงมาทานอาหารมื้อเชี่องกัน ( อะอ่ะ ! ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ ก็พอดีมันเป็น มื้อเช้า + มื้อเที่ยง = มื้อเชี่ยง อ่ะ 5555+) ออกไปสักการะหลวงพ่อวัดใหญ่ เกาะฟาน แวะเก็บภาพ ณ จุดชมวิวบน เกาะสมุย ต่อกันที่ หินตาหินยาย อันเลื่องชื่อของเกาะสมุย (อันนี้ขอ Confirm ใหญ่มาก ! หินตาหินยายน่ะ อย่าคิดมาก) แวะกินฟรีและแวะซื้อ กาละแม ข้างทางที่ หินตาหินยาย แล้วก็กลับสู่ที่พัก ทานอาหารเย็น ที่ บ้านภูเล (บาบีคิว ร้อนๆ สดจากเตา ย่างกันเอง) ต่อด้วยโปรแกรมที่จะขาดไม่ได้เลย เป็นไฮไลท์ของงาน คือ ตั้งวงเล่นไพ่กัน . . . . . เด้งโว๊ย เด้ง! หลังจากเสียตังค์แล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อน นอนหลับกันถ้วนหน้า เสียตังค์ทุกคน วันที่สอง ของการท่องเที่ยวตื่นแต่เช้ารับลมสักหน่อย อาบน้ำอาบท่าล้างหน้าล้างตา และทานมื้อเช้า แบบ Break Fast ออกเดินทางไปขึ้นเรือ เพื่อจะไปทำกิจกรรมกันที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เริ่มโปรแกรมแรกกันที่ เกาะแม่เกาะ และขึ้นไปชมทะเลใน ว้าว!............สวย พักเที่ยง ทานมื้อเที่ยงกัน แบบบุฟเฟ่ต์ บนเรือและเริ่มเดินทางไปที่กิจกรรมที่สองในช่วงบ่ายกันต่อ ถึงแล้ว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง มีกิจกรรมให้ทำคือ เดินขึ้นไปบนจุดชมวิวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เพื่อดูหมู่เกาะ ทั้ง 52 เกาะ(สวยงามมาก) เสร็จจากไปชมวิวบนเกาะก็ลงมาดำน้ำหน้าหาด ชมปะการังน้ำตื้น และเลือกทำกิจกรรมได้ตามสบาย หรือใครจะพักผ่อนก็ได้ ตามอัธยาศัย ทำกิจกรรมกันเสร็จก็ขึ้นเรือ กับสู่เกาะสมุยกัน ถึงเกาะสมุยแล้ว ก่อนกลับเข้าที่พักก็แวะหาซื้อเสบียง ที่ เทสโก้ โลตัส บนเกาะสมุยสักหน่อย (ข้อห้าม ! ห้ามนำบุคคลที่ช๊อปเก่งๆไปเดินเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิง ถ้าท่านมีเพื่อนหรือญาติผู้ชาย เราขอแนะนำให้ท่านให้เค้าช๊อปแทน เพื่อกันงบประมาณขาดดุลย์ และเกินวงเงิน ทางเราเจอมากับตัวแล้ว) ใช่ไหมพี่แอ้ม หลังจากช๊อปกันกระจายก็กลับมาสู่ที่พักอันหรูหรา ตระการตา ทานอาหารมื้อค่ำ ด้วย เมนูอาหารทะเล แบบซีฟู๊ด ต่อด้วยกิจกรรมที่ขาดมิได้ เหมือนเคย แต่วันนี้เปลื่ยนเล่น เก้าเกย์ครับ เสียตังค์กันตามระเบียบ แต่ขอโทษนะครับวันนี้ผมเล่นได้มาเพียบเลย 555+ เกรงใจจัง พักก็ฟรี กินก็ฟรีบางมื้อ แต่ส่วนใหญ่จะฟรี ยังมาเอาเงินเค้าอีก ไม่รู้จะขนเงินกลับยังไง กลุ้มใจ ไม่กล้าขอกระสอบเค้าอ่ะ เกรงใจจัง พี่เค้าใจดีมากๆให้พักฟรีกินฟรี แถมเงินให้อีกอ่ะ เล่นเสร็จ ก็นอนหลับผักผ่อนตามอัธยาศัย วันที่สาม ของการท่องเที่ยวตื่นนอน อาบน้ำ แปรงฟัน ลงมาทานอาหารมื้อเช้าด้วย ข้าวต้มเครื่อง อร่อยมาก! อย่างนี้ น้องพลับขอสอง น้องโอขอ สี่ ออกเดินทางจากที่พักไปสักการบูชาเจดีย์ วัดแหลมสอ แวะทานอาหารว่างในมื้อสบายๆกันที่ ร้านเจ้ทราย ที่ท่าเรือบางรัก เค้าบอกกันว่าเมนูเด็ด อาหารแนะนำ (ส้มตำ+หอยทอด+ผัดไท) จัดมาเลย 1 ชุด และก็ไปทานอาหารมื้อเที่ยงกันต่อที่ร้านปะการัง (เป็นมื้อหนัก) ได้เวลาย่อยละ แวะช๊อปปิ้งที่ เทสโก้ โลตัส บนเกาะสมุย ช๊อปตามอัธยาศัย ใครใคร่ซื้อ...ซื้อ ใครใครกิน....กิน จบกันที่ ร้านไอศกรีม สเวนเซ่น ของโปรด 55+ กลับเข้าที่พัก เปลื่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เล่นทะเลกันหน้าหาดที่พัก พายเรือแคนนู และเก็บภาพ อีกตามระเบียบ ทานอาหารมื้อค่ำ แบบผสมผสาน (อะไรเหลือในตู้เย็นเอามาทำให้หมด) อิ่มกันแล้วก็ ออกล่องราตรี ดูวิถีชีวิตชาวเกาะสมุยกันยามค่ำคืน (เกิดมาเพื่อสิ่งนี้) ดูสองข้างทาง ทานอาหารตา เอาซะปวดคอเลย จริงไหมพี่แอ้ กลับที่พัก ณ บ้านภูเล พักผ่อนกันตามสบาย วันสุดท้าย ของการท่องเที่ยว ตื่นเช้าด้วยความอาลัย สถานที่นิดหน่อย น่าเสียดายจังเวลาช่างสั้นจัง ทานอาหารเช้า ขนสัมภาระออกจากที่พักเดินทางไปท่าเรือเฟอร์รี มุ่งหน้ากลับสู่สุราษฏร์ธานี แวะทานอาหารมื้อเที่ยง กันข้างทาง (อาหารตามสั่ง) ออกเดินทางกลับสู่ กทม. แวะเก็บภาพและซื้อของฝากที่ สวนนายดำ จ.ชุมพร ส้วมสวยที่สุดในประเทศไทย ทานมื้อเย็นกันที่ร้าน Coffe Go เห็นวิวตามมุมต่างๆของร้านก็อดใจเก็บภาพมิได้ 555+

เที่ยวชะอำ

ชะอำ
สวยๆ กันทั้งนั้นเลย
ทะเลชะอำสวยจริงๆ ครับ ถ้าว่างนะนำมาเที่ยวกันใกล้กรุงเทพครับ
ภาพความสุขแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ครับกว่าจะได้หยุดยาววางแพลนเตรียมตัวหลายเดือนเลยเพราะทุกคนมีหน้าที่พอได้หยุดและมาพักผ่อนกันแบบนี้สนุกจริงๆ

เล่นบานาน่าโบท ก็สนุกไปอีกแบบ
เพื่อนๆ เขาเล่นน้ำทะเลเล่นบานาน่าโบทกันสนุกสนานแต่ผมขอตัวไม่เอาดีกว่ากลัวน้ำทะเลครับเค็มและก็แดดร้อนครับ

มาทะเลทั้งทีพลาดได้ไงท่าแบบนี้
เป็นมนุษย์ จั้มเปอร์ ครับ โดนเข้าไปเต็มๆ ท้อง

วัดนาคปรก

วัดนาคปรก
ลักษณะพื้นที่
แต่เดิมเป็นสวน มีลำคลองไหลผ่านทั้งหน้าวัดหลังวัดการคมนาคม ในอดีตใช้เรือในการไปมาหาสู่กัน ปัจจุบันลำคลองบางส่วนได้ถูกถมทำเป็นถนนทางสัญจรของประชาชนที่อยู่ละแวกใกล้วัด สภาพชมชนปัจจุบันได้กลายเป็นตึกรามบ้านช่อง เป็นชุมชนขนาดใหญ่
ที่ตั้งและอาณาเขตของวัด
ที่ตั้ง วัดนาคปรก มีฐานะเป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๓๔๒ ถนนเทอดไท ๔๙ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ที่ดินที่ตั้งวัดมี ๑๒ ไร่ ๑ งาน ๔๒ ตารางวา โฉนดเลขที่ ๒๕๐๔๓ อาณาเขต ทิศเหนือติดกันคลองวัดนาคปรก ด้านทิศตะวันออกติดกับวัดนางชี ทิศใต้ติดกับคลองบางหว้า และด้านทิศตะวันตกติดกับโรงเรียนวัดนาคปรก
ผู้สร้างวัด
ตามประวัติเล่าสืบกันว่า เมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย-กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ ๓-๔) มีพ่อค้าเรือสำเภาชาวจีน ชื่อ พระบริบูรณ์ธนากร (เจ้าสัวพุก แซ่ตัน)* เดินทางมาประกอบการค้าขายที่พระนคร ฝั่งธนบุรี ย่านตลาดพลู ได้ตั้งรากปักฐานเป็นครอบครัวกับภรรยาคนไทย เจ้าสัวพุก เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสยิ่งในพระพุทธศาสนา มีฐานะดีพอที่จะเกื้อกูลประโยชน์แก่คนอื่น จึงได้คิดริเริ่มก่อสร้างวัดขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม กิจกรรม และศาสนกิจทางพระพุทธศาสนา อีกประการหนึ่ง เพื่อเป็นการตอบแทนคุณชาวไทยที่ทำให้การค้าขายของตนเติบโตก้าวหน้า การก่อสร้างเริ่มแรกได้สร้างโบสถ์ขึ้นก่อน พร้อมกับเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นเครื่องบูชาของชาวจีนโบราณต่างๆ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ตนเอง และสร้างวิหารมีลักษณะทรงไทยเป็นอนุสรณ์แก่ภรรยา เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังลายไทยเล่าเรื่องราวการเสด็จลงจากดาวดึงส์ และเรื่องราวการชนะมารของพระพุทธเจ้า
ครั้นแล้วได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางมารวิชัยมาจากเมืองสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ในวิหาร พระประธานองค์ประดิษฐานที่วิหารนั้นมีพญานาค ๗ เศียรแผ่พังพาน เป็นรูปปูนปั้น องค์พระเป็นพระปางมารวิชัยสัมฤทธิ์ ชาวบ้านจึงได้เรียกว่า “วัดนาคปรก” ตามลักษณะพระพุทธรูปที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้
การพระราชทานวิสุงคามสีมา เข้าใจว่าได้รับพระราชทานมาแต่เดิมประมาณ พ.ศ. ๒๒๙๑ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๔๘.๖๐เมตร ยาว ๕๐.๗๐ เมตร นี้ก็เป็นประวัติของวัดนาคปรก.
ประวัติพระปางนาคปรก
ประวัติความเป็นมา
ตามพุทธประวัติ ในคืนวันเพ็ญวิสาขมาส (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) นับย้อนหลังไปก่อนปีพุทธศักราชประมาณ 125 ปีองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงละการทรมานกาย หันมาบำเพ็ญเพียรทางจิต ในปฐมยามทรงทำลายกิเลสอย่างหยาบลงได้ ในมัชฌิมยามทรงทำลายกิเลสอย่างกลาง และในปัจฉิมยามทรงได้ทรงทำลายความมืดคือ อวิชชา อันเป็นกิเลสอย่างละเอียดลงได้ ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพร้อมทั้งอรุณขึ้นในเวลาเช้า ต่อแต่นั้นพระองค์ทรงประทับเสวยวิมุตติสุข ณ สถานที่ 7 แห่ง สถานที่ละ 1 สัปดาห์ รวมเป็นเวลา 7 สัปดาห์ โดยเริ่มจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ก่อน ครั้นพระองค์เสด็จประทับเสวยวิมุติสุข ณ ร่มไม้อชปาลนิโครธสิ้น 7 วันแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับนั่งเสวยวิมุติสุขยังร่มไม้จิก อันมีชื่อว่า “มุจลินท์” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศอาคเนย์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ แต่บังเอิญได้เกิดมีฝนตกพรำๆอยู่ไม่ขาดสายตลอด 7 วัน พญานาคมุจลินท์ผู้เป็นราชาแห่งนาคได้ออกจากนาคพิภพ ทำขนดล้อมพระวรกาย 7 ชั้น แล้วแผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเบื้องบนเหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยความประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวสาดต้องพระวรกาย ทั้งป้องกันเหลือบยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวล
ครั้นฝนหายขาดแล้ว พญามุจลินท์นาคราชจึงคลายขนดจากที่ล้อมพระวรกายพระพุทธเจ้า จำแลงภาพเป็นมาณพน้อยยื่นทำอัญชลีถวายนมัสการพระพุทธองค์ในที่เฉพาะพระพักตร์ ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า:-
สุโข วิเวโก ตุฏฺฐสฺสสุตธมฺมสส ปสฺสโต อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเกปาณภูเตสุ สญฺญโมสุขา วิราคตา โลเกกามานํ สมติกฺกโมอสฺมิมานสฺส วินโยเอตํ เว ปรมํ สุขํ.
ความว่า “ความสงัดเป็นสุขของบุคคลที่มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และเป็นคนปราศจากความกำหนัด คือความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้เป็นสุขในโลก ความนำออกเสียงซี่งอัสมินามะ คือความถือตัวตนให้หมดได้นี่เป็นสุขอย่างยิ่ง”
จากพระพุทธจริยาที่เสด็จประทับนั่งเสวยวิมุติสุข ภายในวงขนดของพญามุจลินท์นาคราชนี้เอง จึงเป็นที่มาแห่งการสร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้นมาเรียกว่า พระปางนาคปรก ให้เราได้เคารพกราบไหว้มาจนทุกวันนี้ พระพุทธรูปประจำเกิด ของคนเกิดวันเสาร์
อนึ่งพระปางนาคปรกนี้เป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิด ของคนที่เกิด วันเสาร์ คนที่เกิดวันนี้จึงนิยมหามากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคลในชีวิตแก่ตนเองและครับครัว
ดังนั้นเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตขอเชิญสาธุชนมากราบไหว้ขอพร “หลวงพ่อนาคปรก” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหาร ข้างพระอุโบสถของวัดนาคปรกโดยทั่วกัน.

น้ำตก7สาวน้อย

วนอุทยานน้ำตกเจ็ดสาวน้อยอยู่ในท้องที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีและอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าทับกวาง-มวกเหล็ก แปลง 1 และป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพญาเย็น มีเนื้อที่ประมาณ 540 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2523
ลักษณะภูมิประเทศ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อยมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับที่ราบ ลักษณะพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งมีหน้าดินตื้น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ในช่วง 180-402 เมตร จุดสูงสุดของพื้นที่อยู่บริเวณโชคชัยพัฒนา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 402 เมตร รองลงมาคือเทือกเขาที่อยู่ตอนกลางของพื้นที่ และเทือกเขาบริเวณบ้านดงน้ำฉ่า มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 386 และ 359 เมตร ตามลำดับ บริเวณเชิงเขาด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือของพื้นที่ติดคลองมวกเหล็กซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอดปี และไหลลงสู่แม่น้ำป่าสักที่อำเภอวังม่วง ส่วนบริเวณตอนกลางของพื้นที่มีลำห้วยเล็กๆ ไหลผ่าน ได้แก่ ห้วยแล้ง ซึ่งเป็นลำห้วยที่มีน้ำไหลเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติได้รวบรวมข้อมูลจากการเก็บข้อมูลปริมาณน้ำฝนของสถานีตรวจวัดอากาศมวกเหล็ก ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ประมาณ 10 กิโลเมตร และจากสถานีตรวจอากาศเกษตรปากช่อง ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ประมาณ 26 กิโลเมตร ปรากฏว่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศไทย อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม ซึ่งมีระบบการพัดเวียนประจำเป็นฤดูกาล ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดพาเอาความชื้นจากทะเลและมหาสมุทรเข้ามา ทำให้เกิดฤดูฝน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดพาเอาความหนาวเย็นมาจากตอนเหนือของทวีปเอเชีย ทำให้เกิดฤดูหนาว ส่วนฤดูร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีได้ 1,191 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีเท่ากับ 26 oC
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าปลูก เนื่องจากแต่เดิมเป็นพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทำลายมาก่อนและได้รับการปลูกป่าฟื้นฟู พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตสวนป่าหลังเขา-ท่าระหัด จังหวัดสระบุรี และพื้นที่แปลงปลูกป่าตามโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 บางพื้นที่เป็นป่าที่ฟื้นตัวตามธรรมชาติ พื้นที่โดยรอบทั้งหมดเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย มีถนนล้อมรอบ จึงถูกตัดออกจากป่าอนุรักษ์แห่งอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ไม่มีผืนป่าธรรมชาติแห่งอื่นต่อเนื่องหรือใกล้เคียง ดังนั้นจึงไม่มีการแลกเปลี่ยนสายพันธุ์พืช และสัตว์ป่ากับป่าธรรมชาติความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าจึงมีค่อนข้างน้อย สังคมพืชในอุทยานแห่งชาติสามารถแบ่งออกได้เป็น
ป่าดงดิบ จากการศึกษาพบว่า บริเวณที่เป็นป่าดงดิบธรรมชาติจะพบได้เฉพาะบริเวณที่อยู่ติดลำห้วยมวกเหล็ก และขึ้นกระจายเป็นหย่อมๆ ตามแนวลำน้ำ พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ โสกน้ำ ไคร้ย้อย มะแฟน ยางนา ตะเคียนทอง ยมหอม กระทิง สัตตบรรณ อบเชย มะเดื่อ สาธร เฉียงพร้านางแอ มะหาด ฯลฯ พันธุ์พืชที่ขึ้นในน้ำและที่ชื้นได้แก่ ไคร้น้ำ สันตะวา ดีปลีน้ำ บัวสาย เฟินก้านดำ กูดเขากวาง กกรังกา ตีนตุ๊กแก ไม้เถาได้แก่ นมตำเลีย สะบ้า กระเช้าผีมด แสลงพัน เครือออน บันไดลิง หวายชนิดต่างๆ พืชอิงอาศัย เช่น ข้าหลวงหลังลาย กระแตไต่ไม้ เอื้องกระเรกระร่อน เป็นต้น
ป่าเบญจพรรณ พบอยู่ในบริเวณตอนกลางของพื้นที่ สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าที่ฟื้นตัวเองตามธรรมชาติ มีไม้ชั้นบนที่สำคัญ คือ ประดู่ป่า สำโรง กะพี้ งิ้วป่า ตะคร้ำ หว้า แสมสาร มะเดื่อ ไม้ชั้นรองได้แก่ โมกหลวง ตีนนก แคหางค่าง ปีบ หนามคนทา หนามมะเค็ด ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบไผ่ป่า ไผ่คาย ขึ้นทั่วพื้นที่ ส่วนพืชพื้นล่างและพืชคลุมดินประกอบด้วยกล้าไม้ของไม้ชั้นรองและไม้พุ่มเป็นส่วนใหญ่ และยังพบหญ้าคาขึ้นเป็นกลุ่มในบางพื้นที่ สัตว์ป่าที่สำรวจพบในอุทยานแห่งชาติประกอบด้วย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พบจำนวน 19 ชนิด ได้แก่ เลียงผา หมาจิ้งจอก หมาไม้ ชะมดเช็ด พังพอนธรรมดา ลิ่นพันธุ์มลายู อีเห็นข้างลาย อ้น เม่นใหญ่แผงคอสั้น กระต่ายป่า กระจ้อน กระเล็นขนปลายหูสั้น พญากระรอกบินหูแดง กระรอกหลากสี หนูพุกใหญ่ และหนูท้องขาว เป็นต้น มีนกชนิดต่างๆ ทั้งหมด 78 ชนิด แยกเป็นนกประจำถิ่น 54 ชนิด นกอพยพย้ายถิ่นตามฤดูกาล 23 ชนิด และนกอพยพผ่าน 1 ชนิด ได้แก่ เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ นกแอ่นตาล นกเด้าดินทุ่ง นกปรอดหัวสีเขม่า นกแซงแซวหงอนขน นกกระเต้นน้อยธรรมดา นกกระปูด นกจับแมลงสีฟ้า นกกางเขนดง นกแอ่นพง นกกระแตแต้แว้ด นกตะขาบทุ่ง นกสีชมพูสวน นกอีเสือสีน้ำตาล นกจาบคาหัวสีส้ม นกกินปลีอกเหลือง ไก่บ้าน นกหกเล็กปากแดง นกกวัก นกกะรางหัวขวาน ฯลฯ สัตว์เลื้อยคลาน สำรวจพบ 17 ชนิด ได้แก่ เต่านา กิ่งก่าเขาเล็ก กิ้งก่าบิน ตะกอง ตุ๊กแกบ้าน จิ้งจกหางหนาม จิ้งจกบ้าน จิ้งเหลนบ้าน ตะกวด เหี้ย งูเหลือม และงูเขียวพระอินทร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสำรวจพบ ผีเสื้อ จำนวน 48 ชนิด ได้แก่ ผีเสื้อถุงทองธรรมดา ผีเสื้อหนอนใบรักฟ้าใหญ่ ผีเสื้อปลายปีกส้มใหญ่ ผีเสื้อจิ๋วหนอนมะพร้าวธรรมดา และผีเสื้อหนอนพุทราธรรมดา ฯลฯ

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่ง ท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในภาพของตลาดลอยน้ำที่คราคร่ำไปด้วยเรือพายลำย่อมบรรทุกสินค้าที่ี จำเป็น ต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลก เปลี่ยนสินค้า ในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ปัจจุบันได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่าง ประเทศเข้ามา เที่ยวชมวิถีชีวิต และการค้าขายในตลาดน้ำแห่งแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นตลาด เก่าแก่นับร้อยปี ซึ่งได้ขุดคลองดำเนินสะดวกขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงเห็นว่าการคมนาคม ในท้องถิ่นนี้ไม่มีถนนที่เชื่อมกับอำเภออื่นๆ ส่วนมากใช้เรือเป็นพาหนะ โดยคลองนี้จะ เชื่อมแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง เข้าไว้ด้วยกัน ใช้เวลาขุดประมาณ 2 ปี ที่มาของชื่อคลองได้รับพระราชทาน จากรัชกาลที่ 5
ในอดีตตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นศูนย์รวมในการค้าขาย พืชผักและผลไม้ตามฤดูกาลจากเรือกสวนไร่นาของ เกษตรกรในย่านนั้น แต่ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นกึ่งตลาดบกตลาดน้ำ คือ มีของขายทั้งบนบกและในเรือ มา เที่ยวที่ตลาดนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน เพราะมีทางเดินที่มีหลังคาตลอดสองฝั่งของตลาด จึงทำให้เดินเที่ยวชม ตลาดได้ อย่างสบาย ๆ คลองนี้เป็นคลองที่คนใน จ. ราชบุรี จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม ไปมาหาสู่กัน มีความหมาย ตรงกับชื่อ “ดำเนินสะดวก” คือ การเดินทางสะดวก แม้ทุกวันนี้ จุดประสงค์เริ่มแรกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังมี พ่อค้าแม่ค้า และนักท่องเที่ยว เดินทางไปอย่างล้นหลาม ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวก จึงเปรียบเสมือน เป็นที่นัดของเรือร้อยๆลำเพื่อชุมนุมขายสินค้าการเกษตร และสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองตลอดจนร้านขายของ ที่รับจากโรงงานในกรุงเทพหรือจากต่างจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศแล้วคลองที่เต็มไป ด้วยสินค้าทุกชนิดที่เขาตื่นตาตื่นราคาเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ ี่ีเดียวตลาดน้ำจะเริ่มคึกคัก ตั้งแต่ 6.00 น.ไป จน ถึงประมาณ 11.00 น. นอกจากเขาจะได้ชมตลาดน้ำแล้วชีวิตสองฝั่ง คลองของชาวไทยชนบทยังเป็นภาพที่ น่ามองอย่างมากสลับกับเรือกสวนและไร่นาของชาวบ้านส่วนใหญ่ของพื้นที่ ี่แถบนี้ต่างจากภาพที่เขาคุ้นตาตาม เมืองใหญ่ๆ ไปลิบลับ
กิจกรรมเมื่อมาเที่ยวตลาดน้ำดำเนิน
1. เดินชมตลาดน้ำ เลือกซื้อ เลือกชิม อาหารและสิ้นค้าต่างที่พ่อค้าแม่ค้า พายเรือมาขายหากเดินบนบกก็จะได้ชมสินค้าอย่างหนึ่ง จะได้เลือกซื้อสินค้าในคลองได้ง่ายขึ้น สินค้าที่นำมาขายส่วนมากจะ เป็นผลไม้ เช่น กล้วย ส้มโอ ชมพู่ ลำไย มะม่วง ฯลฯ สนนราคาก็ไม่แพง เพราะมาจากชาวสวนโดยตรง ของกินมี ก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งมีให้เลือกหลายเจ้า นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองจำหน่ายด้วย เช่น ผ้าพันคอ เสื้อผ้าสำเร็จรูปผ้าไหม หมวกงอบใบลาน เป็นต้น และยังจะได้ชมเรือกนาไร่สวนของชาวบ้านแถบนี้อีกด้วย
2.นั่งเรือชมบรรยากาศ หรือจะเลือกชิมอาหารกันบนเรือนอกจากเดินเที่ยวชมกันบนบกแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งเรือชมตลาดน้ำได้ สามารถติดต่อเรือได้ตลอด สองฝั่งทางเข้าตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งที่ท่าเรือจะมีบริการที่จอดรถให้พร้อม ราคาเรือเหมาลำละ 600 บาท นั่งได้ 6-8 คน ใช้เวลา ประมาณ 45 นาที
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก- เปิดทุกวัน เวลา 07.00-12.00 น.- เรือพาย 400 บาท/8 คน- เรือหางยาว 600บาท/8 คน- ค่าจอดรถ 20 บาท/คัน (ที่เอกชน)
เรื่องราวและบทความที่เกี่ยวข้อง
-
การเิดินทางไปตลาดน้ำดำเนิน
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว- เดินทางไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลย กิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อย จะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายมือไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์เลยไป 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร - เดินทางไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ระยะทาง 63 กิโลเมตรเลี้ยวขวาเข้าทางหลวง หมายเลข 325 ผ่านตัวเมือง สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ทางเข้า ตลาดน้ำอยู่ก่อนถึง สะพานธนะรัชต์ 200 เมตร และแยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร2. โดยรถสาธารณะ มีรถโดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี เที่ยวแรก ออกตั้งแต่เวลา 05.00 นาฬิกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ลงรถบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ จากนั้น สามารถ โดยสารรถสองแถวบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ เข้าไปถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นระยะทางอีก1 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ (ห้องจำหน่ายตั๋วดำเนินสะดวก) โทร. 0-2435-5031 (ห้องจำหน่ายตั๋วราชบุรี) โทร. 0-2435-5036 นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกับรถโดยสารสายอื่น ได้ เช่น สายกรุงเทพฯ-ราชบุรี, กรุงเทพฯ-เพชรบุรี ี(สายเก่า) แล้วลงตรงสี่แยกบางแพ ต่อจากนั้นต่อรถสองแถว ซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีรถออก ทุก 10 นาที
สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดราชบุรี
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน
อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ราชบุรี
ถ้ำค้างคาว เขาช่องพราน
สวนผึ้ง
โป่งยุบ
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
บ้านหอมเทียน
กิจกรรมชมแกะเดอะซีนเนอรี่
เขากระโจม
น้ำตกเก้าโจน (น้ำตกเก้าชั้น)
ไร่กุหลาบอุษาวดี
ฟาร์มกล้วยไม้ลันดาออร์คิต
พิพิธภัณฑ์ภโวทัย
น้ำพุร้อนโป่งกระทิง
สวนป่าสิริกิตต์ (แก่งส้มแมว)
ตลาดเจ็ดเสมียน
พระพุทธฉายถ้ำฤาษีเขางู
ถ้ำเขาบิน
ถ้ำจอมพล

เที่ยวบางแสน

บางแสน
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว บางแสน หาดบางแสน
หาดบางแสน ชายทะเลใกล้ๆกรุงเทพฯ เป็นที่พักผ่อนตากอากาศที่ชาวไทยรู้จักกันดีมากว่า 50 ปี เคยมีชื่อเรียกว่าหาดแสนสุขมาระยะหนึ่ง แต่ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกตามชื่อสถานที่คือบางแสน ชายหาดบางแสนยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร มีถนนเลียบชายหาดตลอดแนว ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว มีกิจกรรมทางน้ำให้บริการ ทั้งสกู้ตเตอร์ จักรยานน้ำ บานาน่าโบท ห่วงยาง เป็นต้น

สิ่งที่เห็นกันคุ้นเคยที่หาดบางแสนคือเก้าอี้กับร่มชายหาดหลากสีสันที่ตั้งเรียงรายรอนักท่องเที่ยวมานั่งรับลมทะเล มีร้านอาหาร จำหน่ายอาหารทะเล อาหารว่าง ขนมขบเคี้ยว มาเสริฟให้ถึงที่เลย ทานไป เล่นน้ำไป สนุกได้บรรยากาศแบบสบายๆ

ปัจจุบันหาดบางแสนได้รับการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมทั้งด้านทัศนียภาพริมหาด, การจัดระเบียบหาด, การรักษาความสะอาด และการควบคุมราคาสินค้าให้ได้มาตราฐาน เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ให้เป็นที่นิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ในบริเวณหาดบางแสนมีที่เที่ยว เช่น แหลมแท่น วังแสนสุข โดยเฉพาะสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ตลาดหนองมน อ่างศิลา และเขาสามมุข ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนไปเที่ยวชม ชายหาดบางแสนจึงเป็นอีกสถานที่ ที่น่าสนใจในวันหยุด ห่างจากกรุงเทพไม่มาก ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง